ทำความรู้จักเงินได้ พร้อมสิทธิ์ลดหย่อนที่ทุกคนต้องรู้

ทำความรู้จักับเงินได้ พร้อมสิทธิ์ลดหย่อนที่ทุกคนต้องรู้

หลายคนอาจคิดว่าเงินได้ก็คือเงินเดือนที่ได้รับจากการทำงานเท่านั้น แต่จริง ๆ แล้ว “เงินได้” มีมากถึง 8 ประเภท แต่ละประเภทก็มีวิธีการคำนวณภาษีที่แตกต่างกันออกไป บางประเภทอาจได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่น่าสนใจ ในขณะที่บางประเภทอาจต้องระมัดระวังเป็นพิเศษในการยื่นภาษี

ไม่ว่าคุณจะเป็นมนุษย์เงินเดือน ฟรีแลนซ์ เจ้าของธุรกิจ หรือนักลงทุน การเข้าใจประเภทของเงินได้ จะช่วยให้คุณวางแผนการเงินและภาษีได้ดีมากยิ่งขึ้น ลดความเสี่ยงในการทำผิดกฎหมายภาษี และได้รับประโยชน์มากมาย จากสิทธิลดหย่อนต่าง ๆ มาทำความรู้จักกับเรื่องเงินได้กันเลยดีกว่า

เงินได้ คืออะไร ?

เงินได้เป็นคำที่เราได้ยินบ่อยในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะเวลาที่ต้องยื่นภาษี แต่หลายคนอาจสับสนกับคำว่า “รายได้” เพราะดูเหมือนจะมีความหมายคล้ายกัน แต่ทว่าในมุมมองของกฎหมายภาษีแล้ว เงินได้มีความหมายที่กว้างกว่ามาก เพราะครอบคลุมถึงผลประโยชน์ทุกอย่างที่จะได้รับ ไม่ว่าจะเป็นเงินเดือน โบนัส ค่าเช่า หรือแม้แต่ของขวัญที่มีมูลค่าสูง

ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า เงินได้ไม่จำเป็นต้องอยู่ในรูปของตัวเงินเสมอไป เช่น การได้รับรถยนต์เป็นสวัสดิการจากบริษัท สิทธิ์พักในคอนโดฟรี หรือแม้แต่รายได้จากช่องทางออนไลน์ต่างๆ เช่น YouTube การขายของออนไลน์ หรือกำไรจากการเทรดคริปโตเคอร์เรนซี ทั้งหมดนี้ถือเป็นเงินได้ที่อาจต้องนำมาคำนวณภาษี

ความหมายของเงินได้

เงินได้ คือ ผลประโยชน์ทุกรูปแบบที่บุคคลได้รับ ซึ่งอาจอยู่ในรูปแบบของตัวเงิน ทรัพย์สิน สิทธิ หรือผลประโยชน์อื่นๆ ที่อาจคิดคำนวณได้เป็นเงิน โดยไม่คำนึงว่าจะได้รับมาด้วยวิธีใดหรือจากที่ไหน ทั้งในประเทศและนอกประเทศ ซึ่งตามกฎหมายกำหนดว่าต้องนำมาคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด

ความแตกต่างระหว่าง เงินได้กับรายได้

เงินได้ เป็นคำที่ใช้ในทางกฎหมายภาษีอากร ครอบคลุมผลประโยชน์ทุกประเภทที่บุคคลได้รับและต้องนำมาเสียภาษี ไม่ว่าจะเป็นตัวเงิน ทรัพย์สิน หรือผลประโยชน์อื่น ๆ ที่อาจคำนวณเป็นตัวเงินได้ เช่น เงินเดือน ค่าเช่า ดอกเบี้ย เงินปันผล หรือแม้แต่การได้รับสวัสดิการที่มีมูลค่าจากนายจ้าง

รายได้ เป็นคำที่ใช้ในความหมายทั่วไปทางธุรกิจและการเงิน หมายถึงเงินหรือผลตอบแทนที่ได้รับจากการประกอบอาชีพ การทำธุรกิจ หรือการลงทุน โดยจะหมายถึงเฉพาะตัวเงินที่ได้รับเข้ามาเป็นหลัก เช่น รายได้จากการขายสินค้า รายได้จากการให้บริการ หรือรายได้จากการลงทุน

เงินได้ 8 ประเภท

ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 40 เงินได้ถูกแบ่งออกเป็น 8 ประเภทหลัก เพื่อความสะดวกในการจัดเก็บภาษีและการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี ดังนี้

1. เงินได้จากการจ้างแรงงาน (มาตรา 40(1))

  • เงินเดือน ค่าจ้าง โบนัส
  • เบี้ยเลี้ยง เงินค่าที่พัก ค่าพาหนะ
  • สวัสดิการที่นายจ้างออกให้ เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าที่พักอาศัย
  • เงินที่นายจ้างจ่ายชำระหนี้ใดๆ ซึ่งลูกจ้างมีหน้าที่ต้องชำระ
  • เงินทุนการศึกษาที่ได้รับระหว่างการเป็นลูกจ้าง

2. เงินได้จากการรับทำงานให้ (มาตรา 40(2))

  • ค่าธรรมเนียม ค่านายหน้า
  • ค่าส่วนลดจากการขายสินค้า
  • เงินได้จากการเป็นตัวแทนขายประกัน
  • ค่าบริการรับจ้างทำของที่ไม่ใช่การประกอบวิชาชีพอิสระ
  • เงินประจำตำแหน่งกรรมการ

3. เงินได้จากลิขสิทธิ์และทรัพย์สินทางปัญญา (มาตรา 40(3))

  • ค่าลิขสิทธิ์จากงานเขียน ดนตรี ศิลปะ
  • ค่าสิทธิบัตร เครื่องหมายการค้า
  • ค่าตอบแทนการใช้สูตร กรรมวิธี หรือความรู้ทางวิทยาศาสตร์
  • รายได้จากการอนุญาตให้ใช้ลิขสิทธิ์ต่างๆ
  • ค่า Royalty จากทรัพย์สินทางปัญญาทุกประเภท

4. เงินได้จากดอกเบี้ย เงินปันผล (มาตรา 40(4))

  • ดอกเบี้ยจากเงินฝาก พันธบัตร หุ้นกู้
  • เงินปันผลจากหุ้นทุกประเภท
  • ส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุน
  • ผลประโยชน์ที่ได้จากการโอนหุ้น
  • เงินปันผลจากกองทุนรวม

5. เงินได้จากการให้เช่าทรัพย์สิน (มาตรา 40(5))

  • ค่าเช่าบ้าน อาคาร ที่ดิน
  • ค่าเช่าเฟอร์นิเจอร์และสิ่งติดตั้งถาวร
  • เงินกินเปล่า (เงินก้อนที่ได้รับล่วงหน้าจากการให้เช่า)
  • ค่าเช่ารถยนต์ เครื่องจักร
  • ค่าตอบแทนจากการให้ใช้อุปกรณ์ต่างๆ

6. เงินได้จากวิชาชีพอิสระ (มาตรา 40(6))

  • รายได้จากการประกอบวิชาชีพกฎหมาย
  • รายได้จากการประกอบวิชาชีพแพทย์
  • รายได้จากการประกอบวิชาชีพวิศวกรรม
  • รายได้จากการประกอบวิชาชีพสถาปัตยกรรม
  • รายได้จากการประกอบวิชาชีพบัญชี
  • รายได้จากการประกอบวิชาชีพประณีตศิลปกรรม

7. เงินได้จากการรับเหมา (มาตรา 40(7))

  • รายได้จากการรับเหมาก่อสร้าง
  • รายได้จากการรับเหมาตกแต่งภายใน
  • รายได้จากการรับเหมาติดตั้งระบบต่างๆ
  • กำไรจากการรับเหมาทำของ
  • รายได้จากการรับเหมาช่วง

8. เงินได้จากธุรกิจและการพาณิชย์ (มาตรา 40(8))

  • กำไรจากการค้าขาย
  • รายได้จากการให้บริการทั่วไป
  • รายได้จากการทำธุรกิจออนไลน์
  • รายได้จากการขายสินค้าผ่านแพลตฟอร์มต่าง ๆ
  • รายได้จากการทำการเกษตร
  • รายได้จากการประกอบกิจการอื่น ๆ ที่ไม่เข้าข่ายเงินได้ประเภท 1-7

รายการลดหย่อนภาษีที่เกี่ยวข้องกับเงินได้

การลดหย่อนภาษีมีหลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับประเภทของเงินได้และเงื่อนไขที่กำหนด โดยสามารถแบ่งออกได้ตามนี้

1. ค่าลดหย่อนส่วนตัว

  • ลดหย่อนได้ 60,000 บาทต่อปี
  • ใช้ได้กับผู้มีเงินได้ทุกประเภท
  • เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่ทุกคนได้รับ

2. ค่าลดหย่อนคู่สมรส

  • ลดหย่อนได้ 60,000 บาทต่อปี
  • ต้องจดทะเบียนสมรสถูกต้องตามกฎหมาย
  • คู่สมรสต้องไม่มีรายได้ที่ต้องเสียภาษีในปีนั้น

3. ค่าลดหย่อนบุตร

  • ลดหย่อนบุตรคนแรก 30,000 บาทต่อปี
  • บุตรคนที่ 2 เป็นต้นไป ที่เกิดตั้งแต่ปี 2561 คนละ 60,000 บาทต่อปี
  • บุตรบุญธรรม ไม่เกิน 3 คน (รวมบุตรที่ถูกต้องตามกฎหมาย) คนละ 30,000 บาทต่อปี

4. เงินประกันชีวิต

  • ลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 100,000 บาท
  • ต้องเป็นกรมธรรม์ที่มีระยะเวลาตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป
  • รวมถึงเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ ลดหย่อนได้เพิ่มอีกไม่เกิน 200,000 บาท

5. เงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ

  • ลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 15% ของเงินเดือน
  • จำกัดไม่เกิน 500,000 บาทต่อปี
  • ต้องเป็นสมาชิกกองทุนฯ ไม่น้อยกว่า 5 ปี

สิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ควรรู้

นอกจากการลดหย่อนพื้นฐานแล้ว ยังมีสิทธิประโยชน์อื่นๆ ที่น่าสนใจ

1. การลงทุนในกองทุน RMF/SSF

  • RMF : ลงทุนได้สูงสุด 30% ของเงินได้ แต่ไม่เกิน 500,000 บาท
  • SSF : ลงทุนได้สูงสุด 30% ของเงินได้ แต่ไม่เกิน 200,000 บาท
  • ต้องลงทุนต่อเนื่องตามเงื่อนไขที่กำหนด
  • เหมาะสำหรับการวางแผนเกษียณและการลงทุนระยะยาว

2. การซื้อประกันสุขภาพ

  • ลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 25,000 บาท
  • รวมถึงประกันสุขภาพบิดามารดา ลดหย่อนเพิ่มได้อีกไม่เกิน 15,000 บาท
  • ต้องเป็นกรมธรรม์ที่ให้ความคุ้มครองเฉพาะค่ารักษาพยาบาล

3. การบริจาคเพื่อการกุศล

  • บริจาคให้สถานศึกษา โรงพยาบาล องค์กรสาธารณกุศล
  • ลดหย่อนได้ 2 เท่าของจำนวนที่บริจาค (สำหรับบางกรณี)
  • ต้องมีหลักฐานการรับบริจาคที่ถูกต้อง
  • จำกัดไม่เกิน 10% ของเงินได้หลังหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนอื่น ๆ

เงินได้ประเภทพิเศษที่ควรรู้

เงินได้จากการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล

การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลถือเป็นเงินได้ตามมาตรา 40(4) โดยมีรายละเอียดดังนี้

  • กำไรจากการซื้อขายคริปโตเคอร์เรนซี เช่น Bitcoin, Ethereum ต้องเสียภาษีในอัตรา 15%
  • กำไรจากการขาย NFT ต้องคำนวณจากราคาขายหักด้วยต้นทุน
  • ต้องเก็บหลักฐานการซื้อขายทุกรายการเพื่อการคำนวณภาษี
  • การขุดคริปโตเคอร์เรนซี (Mining) ถือเป็นเงินได้เมื่อได้รับรางวัล
  • รายได้จากการให้เช่าพื้นที่ขุดคริปโตฯ ถือเป็นเงินได้ตามมาตรา 40(5)

เงินได้จากแพลตฟอร์มออนไลน์

เงินได้จากแพลตฟอร์มออนไลน์จัดอยู่ในหลายประเภทขึ้นอยู่กับลักษณะรายได้

  • รายได้จาก YouTube AdSense ถือเป็นเงินได้ตามมาตรา 40(8)
  • รายได้จากการรีวิวสินค้าใน TikTok ถือเป็นเงินได้ตามมาตรา 40(2)
  • รายได้จากการขายสินค้าผ่าน Live streaming ถือเป็นเงินได้ตามมาตรา 40(8)
  • เงินสนับสนุนจากผู้ติดตาม (Donation) ถือเป็นเงินได้ตามมาตรา 40(8)
  • รายได้จากการเป็น Brand Ambassador ต้องพิจารณาลักษณะสัญญาว่าเข้าข่ายมาตราใด

เงินได้จากการรับจ้างเป็นฟรีแลนซ์

งานฟรีแลนซ์แต่ละประเภทอาจเข้าข่ายเงินได้ที่แตกต่างกัน

  • นักเขียนอิสระ นักแปล ถือเป็นเงินได้ตามมาตรา 40(6)
  • กราฟิกดีไซเนอร์ ถือเป็นเงินได้ตามมาตรา 40(6) หากเข้าข่ายประณีตศิลปกรรม
  • นักพัฒนาเว็บไซต์ ถือเป็นเงินได้ตามมาตรา 40(2) หรือ 40(6) ขึ้นอยู่กับลักษณะงาน
  • ที่ปรึกษาอิสระ ถือเป็นเงินได้ตามมาตรา 40(2)
  • ช่างภาพอิสระ ถือเป็นเงินได้ตามมาตรา 40(6) หากเข้าข่ายประณีตศิลปกรรม

ข้อควรระวังเกี่ยวกับประเภทของเงินได้

การจัดการเงินได้ให้ถูกต้องตามกฎหมาย

  • เก็บหลักฐานการรับเงินให้ครบถ้วน
  • แยกประเภทเงินได้ให้ชัดเจน
  • จดบันทึกรายรับรายจ่ายอย่างเป็นระบบ

การจัดการเงินได้ให้ถูกต้องตามกฎหมาย

  • ยื่นแบบแสดงรายการภาษีตามกำหนดเวลา
  • คำนวณภาษีให้ถูกต้องตามประเภทเงินได้
  • ใช้สิทธิลดหย่อนภาษีอย่างครบถ้วน

การเข้าใจเรื่องประเภทของเงินได้เป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับการบริหารจัดการทางการเงินและภาษีของทุกคน ไม่ว่าจะมีรายได้จากแหล่งใดก็ตาม การรู้จักจำแนกประเภทเงินได้ให้ถูกต้อง จะช่วยให้สามารถวางแผนภาษีได้อย่างมีประสิทธิภาพ ใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีได้อย่างครบถ้วน และหลีกเลี่ยงปัญหาทางกฎหมายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

ทั้งนี้ การจัดการเงินได้อย่างถูกต้องไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอย่างที่คิด หากเราเข้าใจหลักการพื้นฐาน จัดเก็บเอกสารอย่างเป็นระบบ และติดตามการเปลี่ยนแปลงของกฎหมายภาษีอย่างสม่ำเสมอก็จะช่วยให้การจัดการภาษีได้ง่ายขึ้น

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

Facebook : สำนักงานบัญชีคุณภาพ ชอบการบัญชี
LINE : @chobaccounting
เบอร์โทร : 094-159-4561
อีเมล์ : chobcorp.acc@chobaccountingonline.co.th

Facebook
LinkedIn
X

ผู้เขียน

พัทธนันท์ วัชรโชติธาดาพงศ์

น้ำ - พัทธนันท์ วัชรโชติธาดาพงษ์

ผู้บริหาร และนักบัญชี ที่เชี่ยวชาญด้านการทำบัญชี การวางระบบบัญชี การยื่นภาษี และการวิเคราะห์งบการเงิน เชื่อมั่นว่าทุกธุรกิจสามารถเติบโตได้อย่างมั่นคงด้วยการจัดการบัญชีและภาษีที่ถูกต้อง

Scroll to Top