ในการทำธุรกิจ การทำสัญญาและเอกสารทางกฎหมายเป็นหนึ่งในสิ่งที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เพื่อให้เอกสารเหล่านั้นถูกต้องอย่างสมบูรณ์ ก็จำเป็นที่ต้องติดอากรแสตมป์ตามกฎหมาย แต่ก็ยังมีหลาย ๆ คนที่ยังคงมีความสงสัยว่ามันคืออะไร จะต้องติดยังไง ใครต้องติดบ้าง มีอัตราการเสียภาษีอย่างไร
ในบทความนี้ ชอบการบัญชี จะพาคุณไปรู้จักกับอากรแสตมป์ เพื่อให้การทำธุรกิจของคุณดำเนินไปอย่างราบรื่น และถูกต้องตามกฎหมายค่ะ
อากรแสตมป์ คืออะไร ?
อากรแสตมป์ (Stamp Duty) คือ ภาษีที่รัฐจัดเก็บจากการทำตราสารหรือสัญญาต่าง ๆ ที่กำหนดไว้ในบัญชีอัตราอากรแสตมป์ตามประมวลรัษฎากร โดยมีรูปแบบเป็นดวงแสตมป์ที่ต้องติดบนเอกสารหรือสัญญานั้น ๆ พร้อมด้วยการขีดฆ่า ภายในเวลา 15 วันหลังจากที่ได้ลงนามในสัญญา เพื่อยืนยันความถูกต้อง และเป็นการยืนยันว่าภาษีได้ถูกชำระแล้ว
ผู้ที่มีหน้าที่ติดอากรแสตมป์
โดยทั่วไป “ผู้ที่มีหน้าที่ติดอากรแสตมป์” คือ ผู้ที่ได้รับประโยชน์ หรือ เป็นฝ่ายที่ได้รับค่าตอบแทน จากตราสารหรือสัญญานั้น ๆ ซึ่งหมายความว่า ฝ่ายที่ได้ประโยชน์ในเชิงเศรษฐกิจ จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบในการติดอากรแสตมป์ให้ถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนด
อย่างไรก็ตาม คู่สัญญาสามารถตกลงกันได้ว่าจะให้ฝ่ายใดเป็นผู้รับผิดชอบในการซื้อและติดอากรแสตมป์ ซึ่งถือเป็นข้อตกลงส่วนตัวได้เช่นกัน แต่ในกรณีไม่มีการตกลงไว้ กฎหมายจะถือว่าฝ่ายที่ “ได้ประโยชน์” เป็นผู้มีหน้าที่โดยชอบค่ะ

เอกสารที่ต้องติดอากรแสตมป์
ตามประมวลรัษฎากรกำหนดให้ ตราสาร หรือสัญญา 28 ประเภท ต้องมีการติดอากรแสตมป์ โดยเราขอยกตัวอย่างเอกสารที่พบบ่อยในชีวิตประจำวันหรือในการทำธุรกิจ ดังนี้
1. สัญญาเช่า
- ค่าอากรแสตมป์ : 1 บาท
- ผู้ที่ต้องเสียอากร : ผู้ให้เช่า
- ผู้ที่ต้องขีดฆ่าแสตมป์ : ผู้เช่า
2. สัญญาโอนหุ้น
- ค่าอากรแสตมป์ : 1 บาท
- ผู้ที่ต้องเสียอากร : ผู้โอน
- ผู้ที่ต้องขีดฆ่าแสตมป์ : ผู้รับโอน
3. สัญญาเช่าซื้อ
- ค่าอากรแสตมป์ : 1 บาท
- ผู้ที่ต้องเสียอากร : ผู้ให้เช่า
- ผู้ที่ต้องขีดฆ่าแสตมป์ : ผู้เช่า
4. สัญญาจ้างทำของ
- ค่าอากรแสตมป์ : 1 บาท
- ผู้ที่ต้องเสียอากร : ผู้รับจ้าง
- ผู้ที่ต้องขีดฆ่าแสตมป์ : ผู้รับจ้าง
5. สัญญากู้ยืมเงิน
- ค่าอากรแสตมป์ : 1 บาท
- ผู้ที่ต้องเสียอากร : ผู้ให้กู้
- ผู้ที่ต้องขีดฆ่าแสตมป์ : ผู้กู้
6. กรมธรรม์ประกันภัย
- ค่าอากรแสตมป์ : 1 บาท
- ผู้ที่ต้องเสียอากร : ผู้รับประกันภัย
- ผู้ที่ต้องขีดฆ่าแสตมป์ : ผู้รับประกันภัย
7. ใบมอบอำนาจ
มอบอำนาจให้กระทำการครั้งเดียว
- ค่าอากรแสตมป์ : 10 บาท
- ผู้ที่ต้องเสียอากร : ผู้มอบอำนาจ
- ผู้ที่ต้องขีดฆ่าแสตมป์ : ผู้รับมอบอำนาจ
มอบอำนาจให้กระทำการมากกว่า 1 ครั้ง
- ค่าอากรแสตมป์ : 30 บาท
- ผู้ที่ต้องเสียอากร : ผู้มอบอำนาจ
- ผู้ที่ต้องขีดฆ่าแสตมป์ : ผู้รับมอบอำนาจ
มอบอำนาจให้กระทำการมากกว่า 1 ครั้ง โดยให้ต่างคนต่างกระทำกิจการแยกกันได้
- ค่าอากรแสตมป์ : 30 บาท
- ผู้ที่ต้องเสียอากร : ผู้มอบอำนาจ
- ผู้ที่ต้องขีดฆ่าแสตมป์ : ผู้รับมอบอำนาจ
8. ใบมอบฉันทะ สำหรับให้ลงมติในที่ประชุมของบริษัท
สำหรับการประชุมครั้งเดียว
- ค่าอากรแสตมป์ : 20 บาท
- ผู้ที่ต้องเสียอากร : ผู้มอบฉันทะ
- ผู้ที่ต้องขีดฆ่าแสตมป์ : ผู้มอบฉันทะ
สำหรับการประชุมมากกว่า 1 ครั้ง
- ค่าอากรแสตมป์ : 100 บาท
- ผู้ที่ต้องเสียอากร : ผู้มอบฉันทะ
- ผู้ที่ต้องขีดฆ่าแสตมป์ : ผู้มอบฉันทะ
9. ตั๋วแลกเงิน ตั๋วแลกเงินหรือตั๋วสัญญาใช้เงิน
- ค่าอากรแสตมป์ : 3 บาท
- ผู้ที่ต้องเสียอากร : ผู้มอบฉันทะ
- ผู้ที่ต้องขีดฆ่าแสตมป์ : ผู้มอบฉันทะ
10. บิลออฟเลดิง
- ค่าอากรแสตมป์ : 2 บาท
- ผู้ที่ต้องเสียอากร : ผู้กระทำตราสาร
- ผู้ที่ต้องขีดฆ่าแสตมป์ : ผู้กระทำตราสาร
11. ตราสารทางการเงิน
(1) ใบหุ้นหรือใบหุ้นกู้
- ค่าอากรแสตมป์ : 5 บาท
- ผู้ที่ต้องเสียอากร : ผู้ทรงตราสาร
- ผู้ที่ต้องขีดฆ่าแสตมป์ : ผู้กระทำตราสาร
(2) พันธบัตรของรัฐบาลที่ขายในประเทศไทย
- ค่าอากรแสตมป์ : 1 บาท
- ผู้ที่ต้องเสียอากร : ผู้ทรงตราสาร
- ผู้ที่ต้องขีดฆ่าแสตมป์ : ผู้กระทำตราสาร
12. เช็ค
- ค่าอากรแสตมป์ : 3 บาท
- ผู้ที่ต้องเสียอากร : ผู้สั่งจ่าย
- ผู้ที่ต้องขีดฆ่าแสตมป์ : ผู้สั่งจ่าย
13. ใบรับฝากเงินประจำ
- ค่าอากรแสตมป์ : 5 บาท
- ผู้ที่ต้องเสียอากร : ผู้รับฝาก
- ผู้ที่ต้องขีดฆ่าแสตมป์ : ผู้รับฝาก
14. เลตเตอร์ออฟเครดิต
(1) ออกในประเทศไทย
น้อยกว่า 10,000 บาท
- ค่าอากรแสตมป์ : 20 บาท
- ผู้ที่ต้องเสียอากร : ผู้รับฝาก
- ผู้ที่ต้องขีดฆ่าแสตมป์ : ผู้รับฝาก
มากกว่า 10,000 บาท
- ค่าอากรแสตมป์ : 30 บาท
- ผู้ที่ต้องเสียอากร : ผู้รับฝาก
- ผู้ที่ต้องขีดฆ่าแสตมป์ : ผู้รับฝาก
(2) ออกในต่างประเทศ
- ค่าอากรแสตมป์ : 20 บาท
- ผู้ที่ต้องเสียอากร : ผู้รับฝาก
- ผู้ที่ต้องขีดฆ่าแสตมป์ : ผู้รับฝาก
15. เช็คเดินทาง
(1) ออกในประเทศไทย
- ค่าอากรแสตมป์ : 3 บาท
- ผู้ที่ต้องเสียอากร : ผู้ออกเช็ค
- ผู้ที่ต้องขีดฆ่าแสตมป์ : ผู้ออกเช็ค
(2) ออกในต่างประเทศ แต่ชำระในประเทศไทย
- ค่าอากรแสตมป์ : 3 บาท
- ผู้ที่ต้องเสียอากร : ผู้ทรงคนแรกในประเทศไทย
- ผู้ที่ต้องขีดฆ่าแสตมป์ : ผู้ทรงคนแรกในประเทศไทย
16. ใบรับของ
- ค่าอากรแสตมป์ : 1 บาท
- ผู้ที่ต้องเสียอากร : ผู้ออกใบรับ
- ผู้ที่ต้องขีดฆ่าแสตมป์ : ผู้ออกใบรับ
17. สัญญาค้ำประกัน
(1) กรณีที่ไม่ได้จำกัดวงเงิน
- ค่าอากรแสตมป์ : 10 บาท
- ผู้ที่ต้องเสียอากร : ผู้ค้ำประกัน
- ผู้ที่ต้องขีดฆ่าแสตมป์ : ผู้ค้ำประกัน
(2) จำนวนเงินไม่เกิน 1,000 บาท
- ค่าอากรแสตมป์ : 1 บาท
- ผู้ที่ต้องเสียอากร : ผู้ค้ำประกัน
- ผู้ที่ต้องขีดฆ่าแสตมป์ : ผู้ค้ำประกัน
(3) จำนวนเงินมากกว่า 1,000 บาท แต่ไม่เกิน 10,000 บาท
- ค่าอากรแสตมป์ : 5 บาท
- ผู้ที่ต้องเสียอากร : ผู้ค้ำประกัน
- ผู้ที่ต้องขีดฆ่าแสตมป์ : ผู้ค้ำประกัน
(4) จำนวนเงิน 10,000 บาทขึ้นไป
- ค่าอากรแสตมป์ : 10 บาท
- ผู้ที่ต้องเสียอากร : ผู้ค้ำประกัน
- ผู้ที่ต้องขีดฆ่าแสตมป์ : ผู้ค้ำประกัน
18. สัญญาจำนำ
(1) จำนวนหนี้ทุก 2,000 บาท หรือเศษของ 2,000 บาท
- ค่าอากรแสตมป์ : 1 บาท
- ผู้ที่ต้องเสียอากร : ผู้รับจำนำ
- ผู้ที่ต้องขีดฆ่าแสตมป์ : ผู้ผู้รับจำนำ
(2) ไม่ได้จำกัดจำนวนหนี้
- ค่าอากรแสตมป์ : 1 บาท
- ผู้ที่ต้องเสียอากร : ผู้รับจำนำ
- ผู้ที่ต้องขีดฆ่าแสตมป์ : ผู้ผู้รับจำนำ
19. ใบรับของคลังสินค้า
- ค่าอากรแสตมป์ : 1 บาท
- ผู้ที่ต้องเสียอากร : นายคลังสินค้า
- ผู้ที่ต้องขีดฆ่าแสตมป์ : นายคลังสินค้า
20. คำสั่งให้ส่งมอบของ
- ค่าอากรแสตมป์ : 1 บาท
- ผู้ที่ต้องเสียอากร : ผู้ออกคำสั่ง
- ผู้ที่ต้องขีดฆ่าแสตมป์ : ผู้ออกคำสั่ง
21. สัญญาตัวแทน
(1) มอบอำนาจเฉพาะการ
- ค่าอากรแสตมป์ : 10 บาท
- ผู้ที่ต้องเสียอากร : ตัวการ
- ผู้ที่ต้องขีดฆ่าแสตมป์ : ตัวการ
(2) มอบอำนาจทั่วไป
- ค่าอากรแสตมป์ : 30 บาท
- ผู้ที่ต้องเสียอากร : ตัวการ
- ผู้ที่ต้องขีดฆ่าแสตมป์ : ตัวการ
22. คำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ
(1) กรณีที่พิพาทด้วยเงิน 1,000 บาท หรือเศษของ 1,000 บาท
- ค่าอากรแสตมป์ : 1 บาท
- ผู้ที่ต้องเสียอากร : อนุญาโตตุลาการ
- ผู้ที่ต้องขีดฆ่าแสตมป์ : อนุญาโตตุลาการ
(2) กรณีที่ไม่ได้กล่าวถึงจำนวนเงิน
- ค่าอากรแสตมป์ : 10 บาท
- ผู้ที่ต้องเสียอากร : อนุญาโตตุลาการ
- ผู้ที่ต้องขีดฆ่าแสตมป์ : อนุญาโตตุลาการ
23. คู่ฉบับหรือคู่ฉีก
(1) ถ้าต้นฉบับเสียอากรไม่เกิน 5 บาท
- ค่าอากรแสตมป์ : 1 บาท
- ผู้ที่ต้องเสียอากร : ถ้าไม่มีบุคคลอีกฝ่ายหนึ่งเป็นคู่สัญญา คนที่เสียอากรสำหรับต้นฉบับเป็นผู้เสีย
- ผู้ที่ต้องขีดฆ่าแสตมป์ : คนเดียวกับผู้ขีดฆ่าต้นฉบับ
(2) ถ้ามากกว่า 5 บาท
- ค่าอากรแสตมป์ : 5 บาท
- ผู้ที่ต้องเสียอากร : ถ้าไม่มีบุคคลอีกฝ่ายหนึ่งเป็นคู่สัญญา คนที่เสียอากรสำหรับต้นฉบับเป็นผู้เสีย
- ผู้ที่ต้องขีดฆ่าแสตมป์ : คนเดียวกับผู้ขีดฆ่าต้นฉบับ
24. หนังสือบริคณห์สนธิ
- ค่าอากรแสตมป์ : 200 บาท
- ผู้ที่ต้องเสียอากร : ผู้เริ่มก่อการ
- ผู้ที่ต้องขีดฆ่าแสตมป์ : ผู้เริ่มก่อการ
25. ข้อบังคับของบริษัทจำกัด
- ค่าอากรแสตมป์ : 200 บาท
- ผู้ที่ต้องเสียอากร : กรรมการ
- ผู้ที่ต้องขีดฆ่าแสตมป์ : กรรมการ
26. ข้อบังคับใหม่หรือสำเนาหนังสือบริคณห์สนธิ
- ค่าอากรแสตมป์ : 50 บาท
- ผู้ที่ต้องเสียอากร : กรรมการ
- ผู้ที่ต้องขีดฆ่าแสตมป์ : กรรมการ
27. หนังสือสัญญาห้างหุ้นส่วน
(1) หนังสือสัญญาจัดตั้งห้างหุ้นส่วน
- ค่าอากรแสตมป์ : 100 บาท
- ผู้ที่ต้องเสียอากร : ผู้เป็นหุ้นส่วน
- ผู้ที่ต้องขีดฆ่าแสตมป์ : ผู้เป็นหุ้นส่วน
(2) หนังสือสัญญาที่แก้ไขสัญญาจัดตั้งห้างหุ้นส่วน
- ค่าอากรแสตมป์ : 50 บาท
- ผู้ที่ต้องเสียอากร : ผู้เป็นหุ้นส่วน
- ผู้ที่ต้องขีดฆ่าแสตมป์ : ผู้เป็นหุ้นส่วน
28. ใบรับเฉพาะกลุ่ม
(1) ใบรับรางวัลสลากกินแบ่งของรัฐบาล
(2) ใบรับสำหรับการโอน
(3) ใบรับสำหรับการขาย
- ค่าอากรแสตมป์ : 1 บาท
- ผู้ที่ต้องเสียอากร : ผู้ออกใบรับ
- ผู้ที่ต้องขีดฆ่าแสตมป์ : ผู้ออกใบรับ
วิธีคำนวณอากรแสตมป์
การคำนวณอากรแสตมป์แบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ
1. อัตราคงที่ (Fixed Rate)
เช่น มอบอำนาจเฉพาะเรื่อง 10 บาท, มอบอำนาจทั่วไป 30 บาท, ตั๋วแลกเงิน 3 บาท เป็นต้น
2. อัตราตามมูลค่า (Ad Valorem Rate) เช่น
- สัญญากู้เงิน 1 บาทต่อทุก ๆ 2,000 บาท (สูงสุด 10,000 บาท)
- สัญญาเช่า 1 บาทต่อค่าเช่า 1,000 บาท ตลอดอายุสัญญา
- สัญญาจ้างทำของ 1 บาทต่อทุก 1,000 บาท ของมูลค่างาน
การชำระภาษีอากรแสตมป์
ในปัจจุบัน “การชำระอากรแสตมป์” สามารถทำได้ทั้งหมด 3 วิธีหลัก ได้แก่
1. ชำระด้วยเงินสดที่สำนักงานสรรพากร (Stamp) สามารถซื้ออากรแสตมป์ที่กรมสรรพากรมาติดเอกสารแล้วขีดทับ ใช้สำหรับเอกสารที่มีมูลค่าไม่มาก
2. ชำระผ่านด้วยตัวเงิน ที่กรมสรรพากร ด้วยการยื่นแบบ อ.ส.4 ใช้สำหรับเอกสารที่มีมูลค่ามาก
3. ชำระผ่านระบบ e-Filing ด้วยการใช้แบบ อ.ส.9
4. การใช้แสตมป์ดุน เป็นการชำระโดยการใช้ตราประทับ “ดุน” หรือกดลงบนเอกสาร โดยใช้หมึกชนิดพิเศษ เหมาะสำหรับองค์กรหรือหน่วยงานที่ออกตราสารส่วนมากเป็นประจำ
อากรแสตมป์ สำคัญต่อการทำธุรกิจอย่างไร ?
1. เพิ่มความน่าเชื่อถือของเอกสาร
เอกสารที่ติดอากรแสตมป์ถูกต้อง แสดงให้เห็นว่าผู้ประกอบการปฏิบัติตามกฎหมาย และสามารถใช้เอกสารนั้นในการติดต่อราชการ หรือเจรจาทางธุรกิจได้อย่างมั่นใจ
2. ใช้เป็นหลักฐานในคดีความ
หากมีข้อพิพาท เอกสารที่ติดอากรแสตมป์สามารถนำขึ้นสู่ศาลเป็นหลักฐานได้ โดยไม่ต้องเสียค่าปรับย้อนหลังหรือทำใหม่
3. ลดความเสี่ยงจากการเสียค่าปรับ
หากละเลยการติดอากรแสตมป์ อาจต้องเสียค่าปรับ 2 เท่าของอากรที่ต้องเสีย และหากใช้เอกสารในทางราชการหรือศาล อาจมีค่าธรรมเนียมอื่น ๆ เพิ่มเติมอีกด้วย
4. ป้องกันปัญหาภาษีย้อนหลัง
การจัดการเรื่องอากรให้เรียบร้อย ถือเป็นหลักฐานประกอบการเสียภาษี และช่วยลดความเสี่ยงจากการตรวจสอบย้อนหลังของกรมสรรพากร
5. ทำให้การบริหารจัดการภาษีมีประสิทธิภาพ
ธุรกิจที่มีเอกสารจำนวนมาก การวางระบบการชำระอากรแสตมป์ (เช่น ใช้ e-Stamp หรือขอใช้แสตมป์ดุน) จะช่วยให้การบริหารเอกสารและการตรวจสอบย้อนหลังง่ายขึ้น และลดความผิดพลาดในการจัดการเรื่องภาษีโดยรวม
อากรแสตมป์ คือภาษีที่สำคัญต่อเอกสารและสัญญาทางธุรกิจที่มักถูกมองข้าม แต่กลับมีผลทางกฎหมายเป็นอย่างมาก เอกสารที่ต้องใช้อากรแสตมป์ เช่น สัญญาเช่า สัญญากู้ยืมเงิน สัญญาจ้างทำของ ใบมอบอำนาจ ฯลฯ หากไม่ติดอากรและขีดฆ่าอย่างถูกต้อง อาจทำให้เอกสารดังกล่าวไม่มีผลในทางกฎหมาย และยังต้องเสียค่าปรับย้อนหลังอีกด้วย
สุดท้ายนี้ หากคุณยังมีความกังวลในเรื่องภาษีหรือการจัดการเอกสารที่เกี่ยวข้องกับอากรแสตมป์ สามารถติดต่อเข้ามาที่ชอบการบัญชี ได้เลยนะคะ เรายินดีช่วยให้คุณบริหารธุรกิจได้อย่างมั่นใจ ถูกต้อง และเป็นระบบมากยิ่งขึ้นค่ะ