เคยสงสัยกันไหมว่า ทำไมทุกครั้งที่เราไปซื้อของ ราคาที่จ่ายจริงมักจะสูงกว่าราคาที่ติดป้ายไว้ ? หรือบางที ก็อาจเห็นร้านค้าเขียนว่า “ราคานี้ยังไม่รวม VAT” แล้วงงว่าต้องจ่ายเพิ่มอีกเท่าไหร่กันแน่ ? นี่เป็นเรื่องที่หลายคนเจอในชีวิตประจำวัน แต่อาจจะยังไม่ค่อยเข้าใจกันสักเท่าไหร่
VAT หรือที่เรียกเต็มๆ ว่า “ภาษีมูลค่าเพิ่ม” (Value Added Tax) เป็นภาษีที่รัฐบาลเก็บเพิ่มจากราคาสินค้า และบริการ คล้ายๆ กับว่าเราจ่ายเงินซื้อของแล้ว ต้องจ่ายค่า “ทิป” ให้รัฐบาลด้วยนั่นเอง แต่ไม่ต้องตกใจไป เพราะ ภาษีมูลค่าเพิ่มที่ว่านี้ ไม่ได้เยอะขนาดทิป 10% ที่เราให้พนักงานเสิร์ฟหรอก ในประเทศไทยเราเก็บแค่ 7% โดยคนที่มีหน้าที่เก็บก็คือ ผู้ประกอบการที่เป็นคนเก็บภาษีตรงนี้แทนรัฐบาลนั่นเอง
แล้วทำไมต้องเก็บ VAT ?
หลายคนคงสงสัยว่าทำไมจะต้องมีการเก็บ ภาษีมูลค่าเพิ่มด้วย จริงๆ แล้ว ภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นอีกหนึ่งในแหล่งรายได้สำคัญของรัฐบาล เงินที่ได้จากการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจะถูกนำเอาไปใช้พัฒนาประเทศในด้านต่างๆ เช่น สร้างถนน โรงเรียน โรงพยาบาล หรือสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่เราใช้กันทุกวันนี้
การเก็บ VAT ยังช่วยทำให้รัฐบาลสามารถติดตามการซื้อขายในระบบได้ด้วย เพราะทุกครั้งที่มีการออกใบกำกับภาษี (ใบเสร็จที่มี VAT) ข้อมูลการซื้อขายจะถูกบันทึกไว้ ทำให้ระบบการค้าโปร่งใสมากขึ้น และป้องกันการหลีกเลี่ยงภาษีได้ดีขึ้น
VAT มีวิธีการคำนวณยังไง ?
การคำนวณ VAT มีวิธีการที่ไม่ซับซ้อน แถมยังมีสูตรลัดที่ช่วยให้คำนวณได้ง่ายขึ้น มาดูกันว่ามีวิธีการคำนวณแบบไหนบ้าง
1. วิธีคำนวณแบบพื้นฐาน
– คำนวณจากราคาที่ยังไม่รวม ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) : ราคาสินค้าก่อน VAT × 7%
– ตัวอย่าง: ราคาสินค้าก่อน VAT 1,000 บาท
VAT = 1,000 × 7% = 70 บาท
ราคารวม VAT = 1,000 + 70 = 1,070 บาท
2. วิธีถอด VAT จากราคาที่รวม VAT แล้ว
– ใช้สูตร : ราคารวม VAT × 7 ÷ 107
– ตัวอย่าง : ราคาสินค้า 1,070 บาท
VAT = 1,070 ÷ 107 × 7 = 70 บาท
– ราคาก่อน VAT = 1070 – 70 = 1000 บาท
ถ้าคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มไม่ถูกต้อง มีผลเสียอย่างไรบ้าง ?
ในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม ถ้าคำนวณไม่ถูกต้องแม้แต่นิดเดียว อาจส่งผลเสียหลายอย่าง
1. ผลกระทบต่อธุรกิจ
- ขาดทุนจากการคิดราคาต่ำเกินไป
- เสียลูกค้าจากการคิดราคาแพงเกินไป
- เกิดปัญหาในการทำบัญชี
- เสียเวลา และค่าใช้จ่ายในการแก้ไขเอกสาร
2. ผลกระทบทางกฎหมาย และบทลงโทษ
- หากคำนวณต่ำกว่าความเป็นจริง ต้องชำระภาษีเพิ่มพร้อมเบี้ยปรับ 1-2 เท่า และเงินเพิ่ม 1.5% ต่อเดือน
- ถ้าจงใจหลบเลี่ยงภาษี มีโทษทั้งจำ และปรับ อาจถูกจำคุกตั้งแต่ 3 เดือนถึง 7 ปี และปรับ ตั้งแต่ 2,000 ถึง 200,000 บาท
อาจถูกประเมินย้อนหลังได้ถึง 5 ปี - มีความเสี่ยงที่จะถูกตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่สรรพากร และเรียกเก็บภาษีย้อนหลังในอนาคต
3. ผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ
- อาจโดยระงับการออกใบกำกับภาษี
- ถูกจำกัดสิทธิประโยชน์ทางภาษีต่างๆ
- ยากต่อการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงิน
จะป้องกันการคำนวณ VAT ไม่ถูกต้อง ได้ยังไง ?
เพื่อป้องกันการคำนวณภาษีผิดพลาด มีวิธีง่ายๆ ดังนี้
1. ใช้เครื่องคิดเลขหรือแอพช่วยคำนวณ
- มีแอพพลิเคชั่นมากมายที่ช่วยคำนวณ VAT เช่น itax.in.th/vat
- ใช้เครื่องคิดเลขที่มีฟังก์ชันคำนวณ VAT โดยเฉพาะ
2. ตรวจสอบการคำนวณซ้ำ
- คำนวณอย่างน้อย 2 รอบเพื่อความถูกต้อง
- ให้เพื่อนร่วมงานช่วยตรวจสอบ
3. เก็บเอกสารให้เป็นระเบียบ
- จัดเก็บใบกำกับภาษีให้เป็นระเบียบ
- ทำบันทึกการคำนวณไว้เพื่อตรวจสอบย้อนหลัง
การคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่ยุ่งยากในตอนแรก แต่ถ้าเข้าใจวิธีการ และฝึกทำบ่อยๆ ก็จะทำได้รวดเร็วขึ้น สิ่งสำคัญก็คือต้องจำวิธีการคำนวณให้ถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นวิธีพื้นฐานหรือวิธีลัด และสิ่งสำคัญคือต้องคอยระวังไม่ให้เกิดข้อผิดพลาด
ต้องคอยตรวจเช็คการคำนวณอยู่ตลอด และจัดเก็บเอกสารให้เป็นระเบียบ เพราะการคำนวณที่ถูกต้องจะช่วยทำให้ธุรกิจดำเนินไปได้อย่างราบรื่น และไม่มีปัญหากับทางกรมสรรพากรในภายหลัง ที่สำคัญ อย่าลืมว่าภาษีมูลค่าเพิ่ม เป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาประเทศ การคำนวณ และชำระ ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) อย่างถูกต้อง จึงนับว่าเป็นการมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศให้ก้าวไปข้างหน้าต่อได้ค่ะ