เมื่อลมหนาวพัดผ่านในช่วงเดือนธันวาคม ถือเป็นสัญญาณว่าได้เข้าสู่ช่วงเวลาของการเตรียมข้อมูล สำหรับการยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ซึ่งจะต้องยื่นเป็นประจำทุกปีตามที่กฎหมายกำหนดไว้ ในช่วงวันที่ 1 มกราคม ถึงวันที่ 31 มีนาคม แต่สำหรับผู้ที่ยื่นครั้งแรก ก็อาจจะมีความกังวลว่าต้องทำความเข้าใจในเรื่องใดบ้าง ก่อนทำการยื่นภาษีเงินได้บุลคลธรรมดา
ในบทความนี้ ชอบการบัญชี จะมาให้คำตอบที่หลาย ๆ คนสงสัย ในเรื่องการยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ทำให้เกิดความเข้าใจว่าต้องยื่นทำอะไร ต้องยื่นยังไง ใช้เอกสารอะไรบ้าง ซึ่งจะทำให้จัดการภาษีได้สะดวกขึ้นค่ะ
1. รายได้ประเภทใดบ้าง ที่ต้องยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ?
จากการที่ผู้มีรายได้ ได้รับรายได้มาจากการทำงานที่หลากหลาย และมีความยากง่าย หรือต้นทุนในการทำงานที่แตกต่างกัน กฎหมายจึงได้แบ่งประเภทของ “รายได้” หรือ “เงินได้พึงประเมิน” ออกเป็น 8 ประเภท ดังนี้
1. เงินเดือน
2. ค่าจ้าง ค่าคอมมิชชั่น ค่านายหน้า ค่าธรรมเนียม เบี้ยประชุม เป็นต้น
3. ค่าลิขสิทธิ์และทรัพย์สินทางปัญญา
4. ดอกเบี้ย เงินปันผล หรือผลประโยชน์จากการลงทุนในรูปแบบต่างๆ
5. ค่าเช่า
6. ค่าวิชาชีพอิสระ
7. ค่ารับเหมา ค่าแรง รวมถึงค่าของต่างๆ
8. รายได้อื่นๆ
รายได้ที่ได้รับการยกเว้นภาษี
มีรายได้บางประเภทที่ได้รับการยกเว้นภาษี ดังนี้
1. เงินช่วยเหลือหรือสวัสดิการจากรัฐบาล
2. เงินชดเชยหรือเบี้ยเลี้ยงบางประเภท
3. เงินปันผลหรือรายได้จากการลงทุนในบางกรณี
4. รายได้จากการขายทรัพย์สินบางอย่าง
5. เงินชดเชยหรือรายได้พิเศษจากการประกันภัย
6. เงินเดือนและค่าจ้างจากองค์กรบางประเภท
7. เงินบำเหน็จและเงินบำนาญบางส่วน
8. รายได้จากการให้โดยเสน่หา
9. รางวัลและสิ่งของที่ได้รับในบางกรณี
10. เงินสนับสนุนการศึกษา
ในส่วนนี้ สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้จากบทความเรื่อง “รู้ก่อนยื่น! เงินได้รูปแบบใดบ้าง ที่ได้รับการยกเว้นภาษี” ได้เลยค่ะ
2. เอกสารที่เตรียม ก่อนยื่นภาษีบุคคลธรรมดา 2567
การเตรียมเอกสารต่าง ๆ ให้พร้อม ก่อนยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ถือเป็นขั้นตอนที่มีความสำคัญมาก ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 2 เกณฑ์ ซึ่งจะสอดคล้องกับการยื่นแบบ ภ.ง.ด.90 และ ภ.ง.ด.91 ดังนี้
บุคคลที่เป็นโสด
รับเงินเดือนอย่างเดียว ให้ยื่นแบบ ภงด.91
1. เอกสารแสดงรายได้ เช่น หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย ตามมาตรา 50 ทวิ
2. เอกสารการลดหย่อนภาษี (ตามจริง) เช่น ใบเสร็จรับเงินค่าเบี้ยประกันชีวิต/สุขภาพ เป็นต้น
รับเงินเดือนและมีรายได้จากช่องทางอื่น ๆ ให้ยื่นแบบ ภงด. 90
1. เอกสารแสดงรายได้ เช่น หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย ตามมาตรา 50 ทวิ
2. เอกสารการลดหย่อนภาษี (ตามจริง) เช่น ใบเสร็จรับเงินค่าเบี้ยประกันชีวิต/สุขภาพ เป็นต้น
3. เอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้อง เช่น รายเงินเงินสดรับ-จ่าย ตามที่กรมสรรพากรกำหนด หรือใบเสร็จรับเงินค่าวัตถุดิบต่างๆ ที่ซื้อมาเพื่อจำหน่าย เป็นต้น
บุคคลที่มีคู่สมรส (จดทะเบียนสมรสตามกฎหมาย)
รับเงินเดือนอย่างเดียว ให้ยื่นแบบ ภงด.91
1. เอกสารแสดงรายได้ เช่น หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย ตามมาตรา 50 ทวิ
2. เอกสารการลดหย่อนภาษี (ตามจริง) เช่น ทะเบียนสมรส ใบสูติบัตร หรือใบเสร็จรับเงินค่าเบี้ยประกันชีวิต/สุขภาพ เป็นต้น
รับเงินเดือนและมีรายได้จากช่องทางอื่น ๆ ให้ยื่นแบบ ภงด. 90
1. เอกสารแสดงรายได้ เช่น หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย ตามมาตรา 50 ทวิ
2. เอกสารการลดหย่อนภาษี (ตามจริง) เช่น ทะเบียนสมรส ใบสูติบัตร หรือใบเสร็จรับเงินค่าเบี้ยประกันชีวิต/สุขภาพ เป็นต้น
3. เอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้อง เช่น รายเงินเงินสดรับ-จ่าย ตามที่กรมสรรพากรกำหนด หรือใบเสร็จรับเงินค่าวัตถุดิบต่าง ๆ ที่ซื้อมาเพื่อจำหน่าย เป็นต้น
เคลียร์ให้ชัด! ความแตกต่างระหว่างภงด. 90 และภงด. 91
3. การยื่นภาษีบุคคลธรรมดาในปี 2567
ยื่นภาษีออนไลน์ผ่าน E-Filling
การยื่นภาษีออนไลน์ ผ่านระบบ E-Filling ของกรมสรรพากร เป็นช่องทางสำหรับการยื่นแบบภาษีที่สะดวกและรวดเร็ว และสามารถตรวจสอบข้อมูลได้แบบ Real – Time ทั้งยังรองรับการยื่นแบบภาษีทุกประเภทอีกด้วย
หากต้องการเรียนรู้วิธีการยื่นภาษีออนไลน์ สามารถศึกษาได้จากบทความเรื่อง “ยื่นภาษีง่ายนิดเดียว! วิธียื่นภาษีออนไลน์ ปี 2568 จากรายได้ในปี 2567“
การยื่นแบบกระดาษ
สำหรับบุคคลที่ไม่สะดวกใช้งานระบบออนไลน์ หรือมีข้อจำกัดบางอย่าง ทำให้ไม่ยื่นภาษีออนไลน์ไม่ได้ สามารถยื่นแบบภาษีผ่านแบบฟอร์มของกรมสรรพากรได้
4. สิทธิการลดหย่อนภาษี
สิทธิลดหย่อนภาษี ที่สามารถนำไปใช้ในการลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ดังนี้
1. สิทธิลดหย่อนส่วนตัว
2. สิทธิลดหย่อนจากการออม ลงทุน และประกันชีวิต
3. สิทธิลดหย่อนจากมาตรการรัฐ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
4. สิทธิลดหย่อนจากเงินบริจาค
5. ข้อผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้น
ในขั้นตอนของการยื่นภาษี เป็นขั้นตอนที่ต้องใส่ใจในรายละเอียดอย่างสูง หากไม่ระมัดระวัง อาจจะทำให้เกิดข้อผิดพลาดที่มีผลกระทบทางการเงิน และกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการกรอกข้อมูลไม่ครบถ้วน การกรอกข้อมูลผิดพลาด การคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาไม่ถูกต้อง หรือการละเลยการใช้สิทธิลดหย่อนภาษี เป็นต้น ซึ่งอาจจะทำให้ต้องเสียค่าปรับ หรือเสียเงินเพิ่มเติม และอาจถูกตรวจสอบโดยกรมสรรพากรค่ะ
การยื่นภาษีล่าช้า
การยื่นภาษีล่าช้า เป็นหนึ่งในปัญหาสำคัญที่หลาย ๆ คนพบเจอ หากว่ามีการยื่นภาษีล่าช้า ผู้เสียภาษี จะไม่สามารถยื่นภาษีย้อนหลังผ่านระบบออนไลน์ได้ แต่ยังสามารถกรอกแบบฟอร์ม พร้อมเอกสารที่เกี่ยวข้อง แล้วไปติดต่อยื่นที่กรมสรรพากรได้
ยื่นภาษีล่าช้า มีความผิดไหม ?
เว็บไซต์กรมสรรพากร ได้ระบุโทษของการยื่นแบบภาษีล่าช้า หรือไม่ยื่นภาษีเอาไว้ดังนี้
1. กรณีไม่ชำระภาษีภายในระยะเวลาที่กำหนด จะต้องเสียเงินเพิ่มอีกร้อยละ 1.5 ต่อเดือน (เศษของเดือนให้นับเป็น 1 เดือน) ของเงินภาษีที่ต้องชำระ นับตั้งแต่วันที่พ้นกำหนดเวลาในการยื่นรายงานจนถึงวันชำระภาษี
2. กรณีที่เจ้าพนักงานตรวจสอบออกหมายเรียก และปรากฎว่ามิได้ยื่นแบบแสดงรายการไว้ หรือยื่นแบบแสดงรายการไว้ แต่ชำระภาษีขาด หรือต่ำไป นอกจากจะต้องชำระเพิ่มแล้ว ยังต้องรับผิดเสียเบี้ยปรับอีก 1 เท่าหรือ 2 เท่า ของภาษีที่ต้องชำระแล้วแต่กรณี เงินเบี้ยปรับดังกล่าว อาจลดลงหรืองดได้ตามระเบียบที่อธิบดีกำหนดโดยอนุมัติรัฐมนตรี
3. กรณีที่ไม่ยื่นแบบ ภ.ง.ด. 91/90 หรือ 94 ภายในกำหนดเวลา ต้องระวางโทษปรับทางอาญาไม่เกิน 2,000 บาท
4. กรณีจงใจ แจ้งความเท็จ หรือแสดงหลักฐานเท็จ หรือฉ้อโกง เพื่อหลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากร มีโทษจำคุกตั้งแต่ 3 เดือนถึง 7 ปี และปรับตั้งแต่ 2,000 บาท ถึง 200,000 บาท
5. กรณีเจตนาละเลยไม่ยื่นแบบแสดงรายการเพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากร มีโทษปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ
จากบทความนี้ ทำให้ผู้ที่มีหน้าที่เสียภาษีทุกคน ได้รับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการยื่นภาษีมากขึ้น โดยเฉพาะมนุษย์เงินเดือนที่ยื่นภาษีครั้งแรก ซึ่งช่วยลดความกังวลในเรื่องของการยื่นภาษี และลดความเสี่ยงที่จะเกิดความผิดพลาด
อย่างไรก็ตาม หากเกิดข้อข้อสงสัยในเรื่องการยื่นภาษี หรือการคำนวณภาษี สามารถติตต่อเข้ามาที่ ชอบการบัญชี ได้ทันที เรายินดีตอบทุกปัญหา คลายทุกข้อสงสัย และให้คำปรึกษาฟรี ในทุกเรื่องที่เกี่ยวกับบัญชี และภาษี