บริษัทมหาชน คืออะไร ?
บริษัทมหาชนจำกัด (Public Company Limited) หรือ “บมจ.” คือ บริษัทที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมาย และได้รับอนุญาตให้เสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปได้ โดยมีการควบคุมภายใต้พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 และกฎหมายตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งเข้มงวดและโปร่งใสมากกว่าธุรกิจในรูปแบบบริษัทจำกัดทั่วไป
บริษัทมหาชน สามารถระดมทุนจากประชาชนหรือนักลงทุนผ่านตลาดทุน เช่น การเสนอขายหุ้นครั้งแรก (IPO) และการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งเปิดโอกาสให้ธุรกิจมีเงินทุนหมุนเวียนอย่างมหาศาลเพื่อใช้ในการขยายกิจการ วิจัยและพัฒนา หรือแม้แต่การเข้าซื้อกิจการอื่น
ชื่อบริษัทมหาชนจำกัด จะต้องมีคำว่า “บริษัท” นำหน้า และมีคำว่า “จำกัด (มหาชน)” หรือ “PCL” ต่อท้าย เช่น บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT Public Company Limited
โครงสร้างของ บริษัทมหาชน
1. ผู้บริหาร
ผู้บริหาร คือ บุคคลหรือกลุ่มคนที่รับผิดชอบในการกำหนดทิศทาง วางกลยุทธ์ และควบคุมการดำเนินงานของบริษัท เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายระยะยาวขององค์กร รวมถึงรักษาผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้น โดยมีคณะกรรมการเป็นผู้บริหารสูงสุด และมีการประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อตัดสินใจในเรื่องที่สำคัญ
2. ผู้ถือหุ้น
ผู้ถือหุ้น คือ เจ้าของกิจการตามสัดส่วนของหุ้นที่ถืออยู่ในบริษัทมหาชน ไม่ว่าจะถือหุ้นมากหรือน้อย ก็ถือว่าเป็นหนึ่งในผู้มีสิทธิแสดงความคิดเห็น เสนอวาระ และลงคะแนนเสียงในที่ประชุมผู้ถือหุ้น
บริษัทมหาชนจำกัด ต้องมีผู้ถือหุ้นอย่างน้อย 15 คน และต้องเป็นผู้ถือหุ้นที่ไม่ใช่กรรมการ หรือผู้บริหารของบริษัท เพื่อให้เกิดการกระจายอำนาจ และลดการควบคุมโดยกลุ่มบุคคลเพียงกลุ่มเดียว
สิทธิของผู้ถือหุ้น ได้แก่
- รับเงินปันผล จากผลกำไรของบริษัทตามจำนวนหุ้น
- ลงคะแนนเสียง ในที่ประชุมสามัญประจำปี
- เสนอเรื่องเข้าวาระประชุม
- เข้าถึงเอกสารและข้อมูลของบริษัท
หากบริษัทมีหนี้หรือภาระผูกพันต่าง ๆ ผู้ถือหุ้นจะรับผิดชอบเพียงจำนวนเงินที่ลงทุนในหุ้นเท่านั้น ไม่ต้องนำทรัพย์สินส่วนตัวใด ๆ มารับผิดชอบ
ในส่วนนี้สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้จากบทความเรื่อง ผู้ถือหุ้น คืออะไร ? มีหน้าที่ และความรับผิดชอบอย่างไร ?
3. คณะกรรมการ
คณะกรรมการบริษัท คือ ผู้ทำหน้าที่กำกับดูแลภาพรวมของกิจการ และทำหน้าที่เป็นตัวแทนของผู้ถือหุ้นในการตรวจสอบการทำงานของฝ่ายบริหาร ประกอบด้วย
1. กรรมการผู้จัดการ (Managing Director หรือ CEO) มีหน้าที่กำหนดนโยบายและดูแลการดำเนินงานของบริษัท
2. คณะกรรมการตรวจสอบ (Audit Committee) มีหน้าที่ตรวจสอบการดำเนินงานของบริษัท เพื่อให้เป็นไปตามนโยบาย และข้อบังคับต่าง ๆ
3. กรรมการอิสระ (Independent Directors) เป็นกรรมการที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับผู้บริหารหรือผู้ถือหุ้นใหญ่ เพื่อให้การตรวจสอบมีความเป็นอิสระ
บริษัทมหาชนจำกัด ต้องมีกรรมการบริษัทขั้นต่ำ 5 คน และอย่างน้อย 1 ใน 3 ต้องเป็นกรรมการอิสระเพื่อสร้างความสมดุลในการตัดสินใจ
หน้าที่ของคณะกรรมการ ได้แก่
- อนุมัติแผนธุรกิจและงบประมาณประจำปี
- ตรวจสอบการดำเนินงานให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของบริษัท
- ดูแลการเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะให้ถูกต้องและครบถ้วน
- แต่งตั้งหรือถอดถอนผู้บริหารระดับสูงในกรณีจำเป็น
สำหรับข้อมูลเกี่ยวกับกรรมการ สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้จากบทความเรื่อง กรรมการบริษัท คืออะไร ? มีหน้าที่และความรับผิดชอบอย่างไรบ้าง ?
4. ทุนจดทะเบียน
ทุนจดทะเบียนของบริษัทมหาชนมีความสำคัญในเชิงโครงสร้างและภาพลักษณ์ทางธุรกิจ เพราะเป็นตัวกำหนดศักยภาพในการระดมทุนจากนักลงทุนทั้งรายย่อยและจากสถาบันการเงิน
การจดทะเบียนบริษัท สามารถกำหนดทุนจดทะเบียนได้หลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับความต้องการของบริษัท และข้อกำหนดทางกฎหมาย โดยทั่วไปจะระบุไว้ในหนังสือบริคณห์สินธิของบริษัท การมีทุนจดทะเบียนที่สูงและชำระครบถ้วน จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับกลุ่มนักลงทุน และเอื้อต่อการเติบโตในอนาคต เช่น การเพิ่มทุน การออกหุ้นใหม่ หรือการเข้าซื้อกิจการอื่น ๆ
ในกรณีที่ต้องการจะนำบริษัทเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ เช่น SET หรือ MAI จะต้องมีทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้วตามเกณฑ์ของแต่ละตลาด เช่น 300 ล้านบาท สำหรับตลาด SET และ 50 ล้านบาท สำหรับตลาด MAI
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับทุนจดทะเบียนได้จากบทความเรื่อง ทุนจดทะเบียน คืออะไร มีผลต่อการจดบริษัทอย่างไรบ้าง ?
เงื่อนไขในการจัดตั้งบริษัทมหาชน
1. มีผู้ถือหุ้นอย่างน้อย 15 คน
2. มีกรรมการอย่างน้อย 5 คน
การมีสถานะเป็น บริษัทมหาชน มีผลต่อธุรกิจอย่างไร ?
1. การเสนอขายหุ้น
บริษัทมหาชน สามารถเสนอขายหุ้นต่อสาธารณะ หรือที่เรียกกันว่า IPO (Initial Public Offering) ซึ่งเป็นการเปิดขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก
การเสนอขายหุ้นช่วยให้บริษัทระดมทุนเพื่อนำมาใช้ในการขยายกิจการ วิจัย พัฒนา หรือชำระหนี้ โดยสามารถซื้อขายผ่านตลาดหลักทรัพย์ ทำให้ผู้ถือหุ้นสามารถซื้อ-ขายได้อย่างสะดวก และโปร่งใส
2. การกำกับดูแล
บริษัทมหาชนต้องมีระบบการกำกับดูแลที่เข้มแข็ง เพื่อรักษาผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนได้เสียอื่น ๆ
- ต้องจัดตั้ง คณะกรรมการตรวจสอบ ซึ่งเป็นกรรมการอิสระ เพื่อดูแลความถูกต้องของงบการเงิน และระบบควบคุมภายใน
- ต้องแต่งตั้งผู้สอบบัญชีภายนอกที่ผ่านการรับรองจากสำนักงาน ก.ล.ต.
- ต้องมีนโยบายเกี่ยวกับธรรมาภิบาล (Corporate Governance) และการบริหารความเสี่ยง
3. การเปิดเผยข้อมูล
บริษัทมหาชนต้องเปิดเผยข้อมูลที่สำคัญต่อสาธารณะอย่างโปร่งใสและสม่ำเสมอ เช่น
- งบการเงินรายไตรมาสและรายปี
- ผลประกอบการ
- การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นหรือกรรมการ
- ข่าวสารสำคัญที่มีผลต่อราคาหุ้น
บริษัทมหาชน เหมาะสำหรับธุรกิจรูปแบบใดบ้าง ?
1. ธุรกิจที่ต้องการระดมทุนจำนวนมาก เช่น การผลิตขนาดใหญ่ โครงสร้างพื้นฐาน เทคโนโลยีล้ำสมัย หรืออสังหาริมทรัพย์ การระดมทุนจากประชาชนผ่านการเสนอขายหุ้น (IPO) คือช่องทางที่ช่วยให้เข้าถึงเงินทุน โดยไม่ต้องพึ่งพาเงินกู้ที่มาพร้อมภาระดอกเบี้ย
2. ธุรกิจที่ต้องการสร้างความน่าเชื่อถือในระดับสากล เช่น ธนาคาร บริษัทประกัน บริษัทพลังงาน โรงพยาบาลขนาดใหญ่ บริษัทโลจิสติกส์ และบริษัทเทคโนโลยีที่ต้องการขยายตัวอย่างรวดเร็ว
3. ธุรกิจที่มีแผนขยายกิจการในวงกว้าง เช่น ธุรกิจแฟรนไชส์ที่ต้องการขยายเครือข่ายให้ครอบคลุมในระดับภูมิภาค เช่น ร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหาร หรือร้านกาแฟ
4. ธุรกิจที่มีความสามารถในการบริหารจัดการอย่างมืออาชีพ เช่น โรงงานผลิตวัสดุก่อสร้าง หรือโรงงานเครื่องใช้ไฟฟ้า
5. ธุรกิจที่ต้องการสร้างภาพลักษณ์แบรนด์ระดับประเทศ เช่น สถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร (Non-Bank) สนามบิน ท่าเรือ หรือโครงการขนส่งมวลชน
บริษัทมหาชน ถือเป็นรูปแบบของนิติบุคคลที่พร้อมสำหรับการเติบโตอย่างยั่งยืนในระดับประเทศและในระดับสากล ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการระดมทุน การเพิ่มความน่าเชื่อถือ หรือการบริหารที่โปร่งใส มีระบบรองรับอย่างมืออาชีพ แต่ในขณะเดียวกัน ก็ต้องแลกมาด้วยความรับผิดชอบและเงื่อนไขที่มากขึ้น
หากกิจการของคุณกำลังมองหาช่องทางยกระดับธุรกิจให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด และมีความพร้อมในด้านโครงสร้าง การบริหาร และเป้าหมายที่ชัดเจน การจดทะเบียนเป็นบริษัทจำกัดมหาชน ก็ถือเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดีที่สุดค่ะ