10 สิ่งสำคัญที่ต้องรู้ ก่อนเปิดร้านขายของชำ

10 สิ่งสำคัญที่ต้องรู้ ก่อนเปิดร้านขายของชำ

การเปิดร้านขายชำขนาดเล็ก หรือร้านขายของทั่วไป ดูเหมือนจะเป็นธุรกิจง่าย ๆ ที่ไม่ต้องใช้การวิเคราะห์ข้อมูลอะไรมากมาย แต่ในความเป็นจริงนั้น ร้านขายของชำ คือธุรกิจที่เต็มไปด้วยรายละเอียดมากมาย ไม่ต่างจากธุรกิจอื่น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการบริหารจัดการ การสต๊อกสินค้า การจดทะเบียนที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้บริโภคในพื้นที่ เห็นได้ชัดเลยว่า ไม่ใช่แค่มีเงินเฉย ๆ แล้วคิดจะเปิดก็เปิดได้  ในบทความนี้ ชอบการบัญชี จะขอแนะนำ 10 สิ่งที่ผู้ประกอบการต้องทำความเข้าใจ ก่อนที่จะเปิดร้านขายของชำค่ะ

ร้านขายของชำ คืออะไร ?

1. การวิเคราะห์ทำเล

ทำเล ถือเป็นหัวใจสำคัญของร้านขายของชำ เพราะแม้ว่าจะมีสินค้าแน่นร้าน ราคาดี แต่หากร้านตั้งอยู่ในจุดที่ไม่มีคนผ่าน ไม่มีคนเห็น หรือเข้าถึงยาก ก็มีโอกาสน้อยมากที่ลูกค้าจะเข้าร้าน โดยต้องพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้

  • อยู่ในแหล่งชุมชน เช่น หมู่บ้าน, หอพัก, ตลาด หรือหน้าโรงเรียน
  • มีคนเดินผ่านหน้าร้านทุกวัน
  • มีที่จอดรถ หรือสามารถจอดจักรยาน/มอเตอร์ไซค์ได้
  • ไม่มีร้านคู่แข่งอยู่ใกล้ ๆ หรือลดราคาตัดกันรุนแรง

2. การวางงบประมาณลงทุน

ร้านของชำส่วนใหญ่ เริ่มต้นด้วยการนำเงินทุนที่มีอยู่มาใช้ในการเปิดร้านโดยที่ไม่ได้วางแผนที่ชัดเจน จนเป็นสาเหตุให้ต้องปิดร้านอย่างถาวร ดังนั้น ก่อนที่จะเปิดร้าน จะต้องมีการวางแผนงบประมาณที่ชัดเจน โดยแบ่งเป็นค่าใช้จ่ายเริ่มต้น และค่าใช้จ่ายประจำ

1. ค่าใช้จ่ายเริ่มต้น เช่น

  • ค่าตกแต่งร้าน
  • ค่าชั้นวางสินค้า
  • ค่าตู้แช่ (ถ้าขายเครื่องดื่ม หรืออาหารแช่แข็ง)
  • ค่าป้ายร้าน
  • ค่าสินค้าสต๊อกล็อตแรก

2. ค่าใช้จ่ายประจำ เช่น

  • ค่าไฟฟ้า
  • ค่าจ้างพนักงาน (ถ้ามี)
  • ค่าซื้อสินค้ารอบต่อไป
  • ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เช่น ค่าขนส่ง หรือค่าจัดการขยะ ฯลฯ

3. การจดทะเบียน และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

แม้ว่าร้านขายของชำจะเป็นธุรกิจขนาดเล็ก แต่ก็ต้องจดทะเบียนให้ถูกต้องตามกฎหมาย เช่นเดียวกับการทำธุรกิจในรูปแบบอื่น โดยที่ร้านขายของชำ จะต้องจดทะเบียนดังต่อไปนี้

2. ขออนุญาตเปิดร้าน (หากมีการดัดแปลงพื้นที่)
การขออนุญาตเปิดร้านที่มีการดัดแปลงพื้นที่ ต้องยื่นขออนุญาติดัดแปลงอาคารกับหน่วยงานท้องถิ่น (เช่น เทศบาล หรือสำนักงานเขต) ก่อน โดยทั่วไปใช้เวลาประมาณ 45 วัน หากการดัดแปลงไม่กระทบต่อโครงสร้างหลักเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ ก็อาจไม่ต้องขออนุญาต

3. ใบอนุญาตขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์/บุหรี่
ในกรณีมีการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือบุหรี่ จะต้องทำการขอใบอนุญาตขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์/บุหรี่ ใ่ห้เรียบร้อย โดยการยื่นคำขอที่สำนักงานสรรพสามิตในพื้นที่ พร้อมชำระภาษีสรรพสามิต ภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป

4. การเลือกสินค้าให้ตรงความต้องการ

การเลือกสินค้าที่จะนำมาขาย ให้ตรงกับความต้องการของลูกค้านั้น มาจากการวิเคราะห์ว่าลูกค้าในพื้นที่นั้น มีความต้องการที่จะซื้อสินค้าในรูปแบบใด ซึ่งสอดคล้องกับการวิเคราะห์ทำเลที่ใช้ในการเปิดร้าน เช่น

  • หากเปิดในหมู่บ้าน : เน้นของใช้ประจำวัน ขนม น้ำดื่ม ข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ
  • ถ้าอยู่ใกล้โรงเรียน : เน้นสินค้าพวกขนม ลูกอม เครื่องเขียนต่าง ๆ
  • ถ้าอยู่ใกล้สถานที่ทำงาน : เน้นอาหารสำเร็จรูป อาหารแช่แข็ง เครื่องดื่มชูกำลัง

5. อุปกรณ์ และการจัดร้าน

การตกแต่งร้านค้า ให้ดูดี สะอาด และมีความเป็นระเบียบ คือสิ่งที่ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือ และทำให้ลูกค้าอยากเข้ามาซื้อสินค้าในร้านอีกครั้งในกรณีที่เคยซื้อสินค้าไปแล้ว สำหรับอุปกรณ์ที่ควรใช้ในการตกแต่งร้าน มีอยู่หลายรูปแบบ เช่น

  • ชั้นวางสินค้า
  • ตู้แช่ (สำหรับน้ำดื่ม/อาหาร)
  • เครื่องคิดเงิน หรือเครื่องบันทึก POS
  • กล้องวงจรปิด (เพิ่มความปลอดภัย)
  • พัดลม หรือแอร์ (ถ้ามีพื้นที่)

6. การหาซัพพลายเออร์/แหล่งซื้อสินค้า

หนึ่งในเคล็ดลับที่ทำให้ร้านขายของชำอยู่รอด และมีกำไร คือการรู้จักแหล่งซื้อของที่ต้นทุนต่ำ และมีคุณภาพ ซึ่งก็คือการมีซัพพลายเออร์ หรือแหล่งซื้อสินค้าที่ดีนั่นเอง โดยที่อย่าเพิ่งตกลงซื้อสินค้าจากแหล่งใดแหล่งหนึ่งทันที ควรเปรียบเทียบราคา ดูโปรโมชั่น และตรวจสอบคุณภาพก่อนตัดสินใจซื้อสินค้า

7. การตั้งราคาขายที่เหมาะสม

การตั้งราคาขายสินค้า ถือเป็นสิ่งที่ต้องใช้ทั้งศาสตร์ และศิลป์ เพราะต้องตั้งค่าสินค้าให้ได้กำไร แต่ก็ไม่ให้แพงเกินไป จนลูกค้าต้องเปลี่ยนไปซื้อสินค้าที่ร้านอื่น

เกณฑ์ในการตั้งราคาสินค้า ขึ้นอยู่กับประเภทสินค้าที่ขาย เช่น

  • สินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไป เช่น ข้าวสาร น้ำมัน หรือเครื่องปรุงต่าง ๆ ควรตั้งราคาให้ได้กำไรประมาณ 5-10%
  • ขนม น้ำอัดลม ของใช้จิปาถะ ควรตั้งราคาให้ได้กำไรประมาณ 10-20%
  • สินค้าเฉพาะทาง หรือสินค้าที่หาซื้อได้ยาก ควรตั้งราคาให้ได้กำไรประมาณ 30% ขึ้นไป

สินค้าบางรายการ ควรตั้งราคาให้เท่าราคาตลาด เพื่อดึงคนเข้าร้าน แล้วให้เน้นไปที่การทำกำไรจากสินค้าอื่นที่ขายควบคู่ นอกจากนั้นแล้ว ควรคำนวณต้นทุนแฝง เช่น ค่าขนส่ง ค่าของเสีย หรือหมดอายุ เพื่อป้องกันการตั้งราคาที่ต่ำเกินไป จนทำให้ขาดทุน

8. กลยุทธ์การตลาด และบริการลูกค้า

ในปัจจุบัน มีร้านขายของชำเปิดให้บริการแทบทุกพื้นที่ ทำให้มีการแข่งขันกันในเรื่องของราคา การบริการที่ดี และความใกล้ชิดกับลูกค้า นอกจากนั้นแล้ว ยังรวมถึงการวางกลยุทธ์ หรือโปรโมชั่นง่าย ๆ ที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกสบายใจ หรือได้รับประโยชน์มากขึ้น เช่น

  • แจกคูปองส่วนลด หรือสะสมแต้มซื้อครบแถมฟรี
  • ให้บริการส่งของถึงบ้าน (ในพื้นที่ใกล้เคียง)
  • สั่งสินค้าผ่านไลน์ หรือ Facebook ได้
  • จัดมุมโปรโมชั่นหน้าร้าน หรือป้ายสินค้าขายดี
  • ยิ้มแย้ม ทักทาย จำชื่อลูกค้าได้

9. การบริหารสต๊อก และควบคุมต้นทุน

หนึ่งในปัญหาหลักของการเปิดร้านขายของชำ คือการบริหารสต๊อกสินค้าที่ไม่มีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะซื้อของมามากเกินไป ขายของไม่ทัน สินค้าหมดอายุ จนทำให้จมทุน

สำหรับวิธีการบริหารสต๊อกสินค้า สามารถทำได้โดยการ

  • เช็กสินค้าทุกสิ้นเดือน แยกประเภทขายดี-ขายช้า
  • ใช้ระบบจด หรือ Excel ง่าย ๆ ช่วยบันทึก
  • อย่าสั่งสินค้าล็อตใหญ่เกินไป โดยไม่มีแผนการขาย
  • จัดการพื้นที่เก็บให้เป็นระเบียบ ง่ายต่อการตรวจสอบ
  • จัดโปรเคลียร์ของเก่า ก่อนของใหม่จะเข้า

10. การวางระบบบัญชีเบื้องต้น

เริ่มต้นวางระบบบัญชี ได้อย่างไร ?

1. แยกบัญชีร้านกับบัญชีส่วนตัว
เปิดบัญชีธนาคารแยกเฉพาะของร้าน เพื่อแยกเงินที่ส่วนที่เป็นกำไร ออกจากเงินที่ใช้ส่วนตัว ไม่ปะปนกัน

2. จดบันทึกรายรับ-รายจ่ายทุกวัน
ใช้สมุดจด หรือแอปจดบัญชีง่าย ๆ จดทุกบาทที่ขายได้ และทุกบาทที่จ่ายออกไป เช่น ค่าซื้อของ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าจ้าง

3. สรุปยอดประจำสัปดาห์/เดือน
แยกรายการเป็นหมวดหมู่ เช่น ขายสินค้าได้กี่บาท กำไรเท่าไร จ่ายค่าอะไรไปบ้าง เพื่อประเมินผลกำไรจริง

4. เก็บเอกสารให้ครบ
ไม่ว่าจะเป็นบิลจากการซื้อสินค้า ใบเสร็จร้านขายส่ง หรือแม้แต่สลิปโอนเงิน ควรเก็บไว้ทุกครั้งเผื่อใช้ยืนยันรายการ

5. จัดทำงบการเงินอย่างง่าย
เช่น งบรายรับ-รายจ่าย หรืองบกำไรขาดทุน แบบเบื้องต้นทุกเดือน เพื่อดูภาพรวม

รับทำบัญชีรายเดือน ยื่นภาษี สำหรับธุรกิจทุกขนาด

รับทำบัญชีรายเดือน สำหรับธุรกิจทุกประเภท ทุกขนาด โดยชอบการบัญชี

การทำบัญชีถือเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทุกธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นบริษัทขนาดใหญ่ ร้านค้า SME สตาร์ทอัป หรือแม้แต่ร้านขายของออนไลน์ การมีระบบบัญชีที่ถูกต้องตั้งแต่ต้น ไม่เพียงช่วยให้กิจการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ แต่ยังช่วยลดความเสี่ยงในการถูกตรวจสอบจากกรมสรรพากรอีกด้วย

ชอบการบัญชี ให้บริการรับทำบัญชีรายเดือน อย่างมืออาชีพ ครอบคลุมทุกขั้นตอนที่จำเป็นสำหรับธุรกิจในทุกอุตสาหกรรม ทั้งแบบบุคคลธรรมดา และนิติบุคคล ด้วยทีมงานที่มีประสบการณ์จริง และมีใบอนุญาตผู้ทำบัญชีที่ได้รับการรับรองจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า (DBD)

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

Facebook : สำนักงานบัญชีคุณภาพ ชอบการบัญชี
LINE : @chobaccounting
เบอร์โทร : 094-159-4561
อีเมล์ : chobcorp.acc@chobaccountingonline.co.th

Facebook
LinkedIn
X

ผู้เขียน

พัทธนันท์ วัชรโชติธาดาพงศ์

น้ำ - พัทธนันท์ วัชรโชติธาดาพงษ์

ผู้บริหาร และนักบัญชี ที่เชี่ยวชาญด้านการทำบัญชี การวางระบบบัญชี การยื่นภาษี และการวิเคราะห์งบการเงิน เชื่อมั่นว่าทุกธุรกิจสามารถเติบโตได้อย่างมั่นคงด้วยการจัดการบัญชีและภาษีที่ถูกต้อง

Scroll to Top