การหักภาษี ณ ที่จ่าย คือการที่ผู้จ่ายเงินหักเงินบางส่วนไว้ล่วงหน้าก่อนที่จะจ่ายเงินให้กับผู้รับ เพื่อนำส่งภาษีแทนผู้รับเงินให้กับกรมสรรพากรตามกฎหมายที่กำหนดไว้ โดยมักจะเป็นการหักตามเปอร์เซ็นต์ที่กฎหมายระบุไว้ เช่น ค่าบริการ ค่าเช่า ค่าจ้าง ฯลฯ
ผู้จ่ายเงินจึงมีหน้าที่ต้องหักภาษีไว้และนำส่งภาษีที่หักนั้นให้รัฐแทนผู้รับเงิน ซึ่งเป็นวิธีที่ภาครัฐใช้ควบคุมและจัดเก็บภาษีได้อย่างมีประสิทธิภาพตั้งแต่ต้นทางของการจ่ายเงิน โดยต้องยื่นผ่านแบบ ภ.ง.ด.3 และ ภ.ง.ด.53 และในบทความนี้ ชอบการบัญชี จะพาไปทำความรู้จักกับแบบแสดงรายการภาษีทั้งสองแบบว่ามันคืออะไร และแตกต่างกันยังไงค่ะ
ภ.ง.ด.3 คืออะไร ?
ภ.ง.ด.3 คือ แบบฟอร์มที่ใช้สำหรับการยื่นภาษีหัก ณ ที่จ่ายในกรณีที่ผู้จ่ายเงินเป็นนิติบุคคล และผู้รับเงินเป็นบุคคลธรรมดา เช่น การจ่ายค่าจ้าง ค่าบริการ หรือค่าเช่า โดยผู้จ่ายเงินมีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่ายตามอัตราที่กฎหมายกำหนด และนำส่งภาษีดังกล่าวให้กับกรมสรรพากรภายในกำหนดเวลา

นำส่ง ภ.ง.ด.3 ตามมาตราไหนดี ?
1. มาตรา 3 เตรส ใช้ในกรณีหัก ณ ที่จ่ายสำหรับเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(5)-(8) เช่น ค่าบริการ ค่าเช่า วิชาชีพอิสระ ฯลฯ ที่ผู้รับเงินเป็นบุคคลธรรมดา โดยผู้จ่ายเงินต้องหักภาษีไว้ก่อน และนำส่งกรมสรรพากรตามกำหนด
2. มาตรา 48 ทวิ ใช้ในกรณีที่ผู้จ่ายเงินเป็นหน่วยงานราชการ ที่จ่ายค่าจ้าง ค่าจัดซื้อ หรือบริการต่าง ๆ ให้บุคคลธรรมดา ต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย 1 ครั้งในตอนจ่ายเงิน หรือออกให้ตลอดไป และนำส่งตามกำหนดเวลา
3. มาตรา 50 (3)(4)(5) คือ การยื่นแบบที่เกี่ยวข้องกับการหักภาษี ณ ที่จ่ายตาม 3 กรณี ได้แก่
- มาตรา 50 (3) จ่ายเงินตามมาตรา 40(5)(6) ให้กับผู้รับซึ่งไม่อยู่ในประเทศไทย
- มาตรา 50 (4) หน่วยงานรัฐจ่ายเงินได้พึงประเมินตาม 40(5)-(8)
- มาตรา 50 (5) จ่ายเงินตาม 40(8) ที่เกี่ยวกับการขายอสังหาริมทรัพย์
ภ.ง.ด.53 คืออะไร ?
ภ.ง.ด. 53 คือ แบบฟอร์มที่ใช้สำหรับการยื่นภาษีหัก ณ ที่จ่ายในกรณีที่ทั้งผู้จ่ายเงินและผู้รับเงินเป็นนิติบุคคล เช่น บริษัทจ่ายค่าบริการให้กับบริษัทอื่น โดยผู้จ่ายเงินต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายตามอัตราที่กฎหมายกำหนด และนำส่งภาษีดังกล่าวให้กับกรมสรรพากรภายในกำหนดเวลา

นำส่ง ภ.ง.ด.53 ตามมาตราไหนดี ?
1. มาตรา 3 เตรส ใช้ในกรณีหัก ณ ที่จ่ายสำหรับเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(5)-(8) เช่น ค่าบริการ ค่าเช่า วิชาชีพอิสระ ฯลฯ เช่นเดียวกับ ภ.ง.ด.3 ต่างกันตรงที่นิติบุคคลเป็นผู้รับเงิน
2. มาตรา 65 จัตวา ใช้ในกรณีที่องค์กรของรัฐจ่ายเงินเพื่อซื้อสินค้าหรือบริการจากบริษัท ห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ซึ่งต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายและนำส่งตามมาตรา 53 เช่นเดียวกัน
3. มาตรา 69 ทวิ ใช้ในกรณีที่รัฐหรือหน่วยงานรัฐจ่ายเงินให้บริษัท ห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ที่ไม่ได้มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย ต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย และยื่นตามแบบ ภ.ง.ด.53 พร้อมอ้างอิงมาตรานี้
ภ.ง.ด.3 กับ ภ.ง.ด.53 ต่างกันยังไง ?
ความแตกต่างระหว่าง ภ.ง.ด.3 และ ภ.ง.ด.53 อยู่ที่สถานะของผู้รับเงิน
- ภ.ง.ด.3 ใช้เมื่อผู้รับเงินเป็นบุคคลธรรมดา
- ภ.ง.ด.53 ใช้เมื่อผู้รับเงินเป็นนิติบุคคล
นอกจากนี้ ประเภทของรายได้ที่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายและอัตราการหักภาษีก็อาจแตกต่างกันไปตามประเภทของรายได้และสถานะของผู้รับเงิน
ผู้หักภาษี ณ ที่จ่าย ต้องทำอะไรบ้าง ?
ผู้ที่มีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่ายต้องดำเนินการ ดังนี้
- หักภาษี ณ ที่จ่าย เมื่อมีการจ่ายเงินที่เข้าข่ายต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายตามกฎหมาย
- ออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย ให้กับผู้รับเงิน เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการยื่นภาษีของผู้รับเงิน
- ยื่นแบบ ภ.ง.ด.3 หรือ ภ.ง.ด.53 พร้อมนำส่งภาษีที่หักไว้ให้กับกรมสรรพากรภายในกำหนดเวลา
- เก็บรักษาเอกสาร ที่เกี่ยวข้องกับการหักภาษี ณ ที่จ่าย เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการตรวจสอบภาษี
รายได้ที่ต้องยื่น ภ.ง.ด.3 และ ภ.ง.ด.53 ?
- สำหรับรายได้จากการให้เช่าทรัพย์สิน, วิชาชีพอิสระ, การรับเหมา, และการให้บริการอื่น ๆ ที่ผู้รับเงินเป็นบุคคลธรรมดา ใช้แบบ ภ.ง.ด.3
- สำหรับรายได้จากดอกเบี้ย, เงินปันผล, ค่าบริการ, ค่าเช่า, และรายได้อื่น ๆ ที่ผู้รับเงินเป็นนิติบุคคล ใช้แบบ ภ.ง.ด.53
ยื่น ภ.ง.ด.3 และ ภ.ง.ด.53 ได้ที่ไหน ?
- สำนักงานสรรพากรพื้นที่ ที่กิจการตั้งอยู่
- ยื่นผ่านอินเทอร์เน็ต ผ่านระบบ e-Filing ของกรมสรรพากรที่เว็บไซต์ efiling.rd.go.th
หากไม่ยื่น ภ.ง.ด.3 และ ภ.ง.ด.53 จะมีผลอย่างไร
- หากผู้จ่ายเงินหักภาษี ณ ที่จ่ายไว้แล้ว แต่ไม่ได้นำส่ง หรือนำส่งบางส่วน แต่ไม่ครบตามจำนวน ผู้จ่ายเงินต้องรับผิดร่วมกับผู้รับเงิน โดยต้องชำระเงินภาษีที่ยังไม่นำส่ง พร้อมกับเงินเพิ่มในอัตราร้อยละ 1.5 ต่อเดือนของภาษีที่ค้าง
- หากหักภาษีไว้แล้ว แต่นำส่งล่าช้า จะต้องชำระเงินเพิ่มในอัตรา 1.5% ต่อเดือน (เศษเดือนให้นับเป็น 1 เดือน) พร้อมค่าปรับไม่เกิน 2,000 บาท และอาจมีการลงโทษเพิ่มเติมในกรณีที่ไม่แสดงรายการตามที่กฎหมายกำหนด
- กรณีไม่หักภาษี ณ ที่จ่าย ทั้งที่ควรหัก ผู้จ่ายเงินจะต้องรับภาระภาษีนั้นแทนผู้รับเงินทั้งหมด ซึ่งถือว่ามีความผิด และต้องชำระภาษีเต็มจำนวน รวมถึงเงินเพิ่มและค่าปรับตามกฎหมาย
- ผู้ใดยื่นแบบภาษีเท็จ หรือเจตนาหลีกเลี่ยงภาษี จะมีโทษ จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
การเข้าใจและปฏิบัติตามข้อกำหนดเกี่ยวกับภาษีหัก ณ ที่จ่ายเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ประกอบการและธุรกิจ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาทางกฎหมายและค่าปรับที่อาจเกิดขึ้น นอกจากนั้นแล้ว การยื่นแบบ ภ.ง.ด.3 และ ภ.ง.ด.53 อย่างถูกต้องและทันเวลา ยังเป็นส่วนหนึ่งของการบริหารจัดการภาษีที่มีประสิทธิภาพอีกด้วยค่ะ
หากต้องการผู้ช่วยในการจัดการภาษีหัก ณ ที่จ่าย หรือมีคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับภาษี ติดต่อเข้ามาที่ชอบการบัญชี ได้เลยนะคะ เรายินดีช่วยคุณจัดการเรื่องบัญชี และภาษีอย่างเป็นระบบค่ะ