รวมทุกเรื่องเกี่ยวกับภาษีคริปโทเคอร์เรนซี ที่มือใหม่ต้องรู้ !

ความรู้เรื่องภาษีคริปโทเคอร์เรนซี สำหรับมือใหม่

การลงทุนในคริปโทเคอร์เรนซีกำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มองหาช่องทางการลงทุนทางเลือก อย่างไรก็ตาม หลายคนอาจจะยังไม่เข้าใจเรื่องภาษีที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลประเภทนี้ ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาด้านภาษีในอนาคตได้

บทความนี้ ชอบการบัญชี จะพาไปทำความรู้จักกับทุกแง่มุมของการเสียภาษีคริปโทเคอร์เรนซี ตั้งแต่กฎหมาย และข้อบังคับล่าสุด ประเภทของรายได้ที่ต้องเสียภาษี วิธีการคำนวณ ไปจนถึงขั้นตอนการยื่นภาษี และข้อควรระวังต่าง ๆ เพื่อให้สามารถลงทุนได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายค่ะ

กฎหมาย และข้อบังคับที่เกี่ยวกับภาษีคริปโทเคอร์เรนซี

กรมสรรพากรได้กำหนดแนวทางการจัดเก็บภาษีที่เกี่ยวข้องกับคริปโทเคอร์เรนซี และโทเคนดิจิทัล ดังนี้

1. ประเภทของรายได้ที่ต้องเสียภาษี

  • กำไรจากการจำหน่ายหรือแลกเปลี่ยนคริปโทเคอร์เรนซี/โทเคนดิจิทัล ถือเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(4)(ฌ) ของประมวลรัษฎากร
  • รายได้จากการขุดคริปโทเคอร์เรนซี เมื่อมีการจำหน่ายหรือแลกเปลี่ยน ถือเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(8)
  • การได้รับคริปโทเคอร์เรนซีเป็นค่าจ้างหรือเงินเดือน ถือเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(1)
  • การได้รับคริปโทเคอร์เรนซี/โทเคนดิจิทัลเป็นรางวัลหรือของขวัญ ถือเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(8)
  • ผลประโยชน์หรือผลตอบแทนจากการถือครองโทเคนดิจิทัล ถือเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(4)(ซ)

2. การคำนวณต้นทุน

  • ผู้เสียภาษีสามารถเลือกคำนวณต้นทุนได้ 2 แบบ คือแบบ ‘เข้าก่อน-ออกก่อน’ (FIFO) หรือแบบ ‘เฉลี่ยต้นทุน’ (Moving Average) แต่เมื่อเลือกใช้วิธีไหนแล้ว ต้องใช้วิธีนั้นไปจนถึงสิ้นปีภาษี จะเปลี่ยนวิธีกลางปีไม่ได้ เหมือนเราต้องเลือกว่าจะใช้สูตรไหนในการคำนวณกำไรขาดทุน แล้วใช้สูตรนั้นไปจนครบปี

3. การยื่นแบบ และชำระภาษี

ประเภทของรายได้จากคริปโทเคอร์เรนซีที่ต้องเสียภาษี

กรมสรรพากรได้กำหนดประเภทของรายได้จากคริปโทเคอร์เรนซีที่ต้องเสียภาษี ดังนี้

1. การจำหน่าย จ่าย โอน หรือแลกเปลี่ยนคริปโทเคอร์เรนซี/โทเคนดิจิทัล หากมีมูลค่าเกินกว่าที่ลงทุน ถือเป็นเงินได้ตามมาตรา 40(4)(ฌ) แห่งประมวลรัษฎากร
2. การขุดคริปโทเคอร์เรนซี เมื่อมีการจำหน่ายหรือแลกเปลี่ยนคริปโทเคอร์เรนซีที่ขุดได้ จะถือเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(8)
3. ได้รับคริปโทเคอร์เรนซีเป็นเงินเดือนหรือค่าจ้าง ถือเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(1) หรือ 40(2) ขึ้นอยู่กับลักษณะของการจ้างงาน
4. ได้รับคริปโทเคอร์เรนซี/โทเคนดิจิทัลจากการให้หรือได้รับเป็นรางวัล ถือเป็นเงินได้ตามมาตรา 40(8)
5. ได้รับผลประโยชน์หรือผลตอบแทนจากการถือครองคริปโทเคอร์เรนซี/โทเคนดิจิทัล หากเป็นโทเคนดิจิทัล ถือเป็นเงินได้ตามมาตรา 40(4)(ซ) และหากเป็นคริปโทเคอร์เรนซี ถือเป็นเงินได้ตามมาตรา 40(8)

วิธีคำนวณภาษี สำหรับนักลงทุนคริปโท

ก่อนที่จะเข้าใจวิธีการคำนวณภาษี เรามาทำความเข้าใจหลักการคำนวณต้นทุนทั้งสองแบบกันก่อน

FIFO (First In, First Out) คือหลักการที่ถือว่าสินทรัพย์ที่ซื้อมาก่อน จะถูกขายออกไปก่อน เหมือนการต่อคิว เช่น ถ้าคุณซื้อ Bitcoin มา 3 ครั้ง

  • ครั้งที่ 1 ซื้อ 0.1 BTC ที่ราคา 500,000 บาท
  • ครั้งที่ 2  ซื้อ 0.2 BTC ที่ราคา 600,000 บาท
  • ครั้งที่ 3 ซื้อ 0.1 BTC ที่ราคา 700,000 บาท เมื่อคุณขาย 0.2 BTC ระบบจะคำนวณต้นทุนโดยใช้ราคาซื้อครั้งที่ 1 ทั้งหมด (0.1 BTC) และราคาซื้อครั้งที่ 2 บางส่วน (0.1 BTC) ตามลำดับการซื้อ

Moving Average คือการคำนวณต้นทุนเฉลี่ยของสินทรัพย์ทั้งหมดที่มี โดยทุกครั้งที่มีการซื้อเพิ่ม จะนำมาเฉลี่ยกับต้นทุนเดิม เช่น

  • ซื้อครั้งแรก 0.1 BTC ที่ราคา 500,000 บาท (ต้นทุนเฉลี่ย = 500,000 บาท)
  • ซื้อครั้งที่สอง 0.2 BTC ที่ราคา 600,000 บาท ต้นทุนเฉลี่ยใหม่ = (500,000 + 600,000) ÷ 0.3 BTC = 566,666.67 บาทต่อ BTC

วิธีนี้จะทำให้ต้นทุนทุกหน่วยเท่ากันหมด ไม่ว่าจะขายส่วนไหนออกไป ก็จะใช้ต้นทุนเฉลี่ยนี้ในการคำนวณกำไรขาดทุนนั่นเอง

ขั้นตอนการยื่นภาษีคริปโทเคอร์เรนซี

กรมสรรพากรได้กำหนดขั้นตอนการยื่นภาษีสำหรับรายได้จากคริปโทเคอร์เรนซีอย่างละเอียด ดังนี้

1. รวบรวมข้อมูลรายได้และค่าใช้จ่าย บันทึกการทำธุรกรรมทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับคริปโทเคอร์เรนซี เช่น การซื้อขาย การขุด การได้รับเป็นค่าจ้าง หรือรางวัล รวมถึงวันที่ จำนวน มูลค่า และค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้อง
2. คำนวณกำไรหรือขาดทุน ใช้วิธีการคำนวณต้นทุนที่ได้รับการยอมรับ เช่น วิธีเข้าก่อนออกก่อน (FIFO) หรือวิธีต้นทุนเฉลี่ย (Moving Average Cost) เพื่อหากำไรหรือขาดทุนสุทธิ

  • วิธีเข้าก่อนออกก่อน (FIFO) ถือว่าคริปโทเคอร์เรนซีที่ซื้อมาก่อนจะถูกขายออกไปก่อน
  • วิธีต้นทุนเฉลี่ย คำนวณต้นทุนเฉลี่ยของคริปโทเคอร์เรนซีที่ถือครอง โดยปรับปรุงทุกครั้งที่มีการซื้อเพิ่มเติม

เมื่อเลือกวิธีการคำนวณต้นทุนแล้ว ควรใช้วิธีนั้นตลอดทั้งปีภาษี

3. ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ภ.ง.ด.90/91) นำรายได้สุทธิจากคริปโทเคอร์เรนซีไปรวมกับรายได้อื่น ๆ ในปีภาษีนั้น ๆ และยื่นแบบภายในวันที่ 31 มีนาคมของปีถัดไป

  • การกรอกข้อมูลในแบบฟอร์ม : ระบุรายได้จากคริปโทเคอร์เรนซีในหมวดเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(4)(ฌ) หรือ 40(8) ขึ้นอยู่กับประเภทของรายได้

4. ชำระภาษี ชำระภาษีตามจำนวนที่คำนวณได้ภายในกำหนดเวลา เพื่อหลีกเลี่ยงค่าปรับและดอกเบี้ย

ข้อควรระวัง สำหรับผู้ลงทุนในคริปโทเคอร์เรนซี

1. ภาระภาษีจากกำไรคริปโทเคอร์เรนซี

  • กำไรจากการซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซีต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
  • รายได้จากการขุด การได้รับเป็นค่าจ้าง หรือผลตอบแทนจากการถือครอง ต้องคำนวณเป็นเงินได้พึงประเมิน
  • ควรเก็บบันทึกธุรกรรมทั้งหมดเพื่อใช้คำนวณภาษีและป้องกันปัญหาภาษีย้อนหลัง

2. ค่าธรรมเนียม และต้นทุนในการเทรด

  • แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนแต่ละแห่งมีค่าธรรมเนียมที่แตกต่างกัน ซึ่งอาจส่งผลต่อกำไรสุทธิ
  • ตรวจสอบค่าธรรมเนียมก่อนทำธุรกรรมเพื่อลดต้นทุนที่ไม่จำเป็น

3. ความเสี่ยงด้านความปลอดภัย

  • หลีกเลี่ยงการเก็บสินทรัพย์ดิจิทัลไว้ใน Exchange เป็นเวลานาน ควรใช้ Cold Wallet สำหรับการถือครองระยะยาว
  • ระมัดระวังการตกเป็นเหยื่อของ Phishing Scam หรือ Ponzi Scheme ที่หลอกให้โอนเงินหรือคริปโท

4. กฎหมาย และข้อบังคับที่อาจเปลี่ยนแปลง

  • การกำกับดูแลคริปโทเคอร์เรนซีมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ควรติดตามประกาศจาก สำนักงาน ก.ล.ต. และกรมสรรพากร

5. การใช้ข้อมูล และแหล่งข่าวที่ไม่น่าเชื่อถือ

  • หลีกเลี่ยงการตัดสินใจลงทุนตามข่าวลือ หรือข้อมูลที่ไม่มีแหล่งอ้างอิงที่ชัดเจน
  • ควรศึกษาข้อมูลจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ เช่น SEC, กรมสรรพากร, และแพลตฟอร์มที่ได้รับใบอนุญาต

การเสียภาษีคริปโทเคอร์เรนซีอาจดูเป็นเรื่องซับซ้อนสำหรับนักลงทุนมือใหม่ ทั้งเรื่องการคำนวณกำไรขาดทุน การเลือกวิธีคิดต้นทุน และการจัดเตรียมเอกสารต่าง ๆ แต่หากทำความเข้าใจหลักการพื้นฐาน และวางแผนการจัดการเอกสารอย่างเป็นระบบ ก็จะช่วยให้การยื่นภาษีเป็นเรื่องที่จัดการนั้นได้ไม่ยาก

สิ่งสำคัญที่สุด คือการเก็บหลักฐานในการทำธุรกรรมทุกรายการอย่างละเอียด และครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นประวัติการซื้อขาย การโอนเหรียญ หรือค่าธรรมเนียมต่าง ๆ และหากมีข้อสงสัยหรือกรณีที่ซับซ้อน ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีเพื่อให้มั่นใจว่าการยื่นภาษีของคุณถูกต้องตามกฎหมายเพื่อป้องกันผลกระทบหรือปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

Facebook : สำนักงานบัญชีคุณภาพ ชอบการบัญชี
LINE : @chobaccounting
เบอร์โทร : 094-159-4561
อีเมล์ : chobcorp.acc@chobaccountingonline.co.th

Facebook
LinkedIn
X

ผู้เขียน

พัทธนันท์ วัชรโชติธาดาพงศ์

น้ำ - พัทธนันท์ วัชรโชติธาดาพงษ์

ผู้บริหาร และนักบัญชี ที่เชี่ยวชาญด้านการทำบัญชี การวางระบบบัญชี การยื่นภาษี และการวิเคราะห์งบการเงิน เชื่อมั่นว่าทุกธุรกิจสามารถเติบโตได้อย่างมั่นคงด้วยการจัดการบัญชีและภาษีที่ถูกต้อง

Scroll to Top