ภาษีการให้ (Gift Tax) คืออะไร ? ใครบ้างที่ต้องเสียภาษีนี้

ภาษีการให้ (Gift Tax) คืออะไร ? ใครบ้างที่ต้องเสียภาษีนี้

หลายคนอาจเคยได้ยินเรื่องภาษีการให้ แต่สงสัยหรือไม่ว่าเจ้าภาษีการให้ (Gift Tax) คืออะไร และต้องจ่ายเมื่อไหร่ โดยเฉพาะในยุคที่การโอนทรัพย์สินระหว่างกันเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการให้ของขวัญมูลค่าสูง การโอนที่ดิน หรือแม้แต่การยกทรัพย์สินให้ลูกหลาน ทำให้เราต้องทำความเข้าใจเรื่องภาษีประเภทนี้ให้ดี

บทความนี้ ชอบการบัญชี จะพาไปทำความรู้จักกับภาษีการให้อย่างละเอียด ตั้งแต่ความหมาย ใครบ้างที่ต้องเสียภาษี อัตราภาษีเท่าไหร่ รวมถึงข้อยกเว้นต่าง ๆ ที่ควรรู้ เพื่อให้สามารถวางแผนการให้ของขวัญหรือโอนทรัพย์สินได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย และไม่ต้องกังวลกับปัญหาภาษีที่อาจจะตามมาในภายหลังค่ะ

ภาษีการให้ คืออะไร ?

ภาษีการให้ (Gift Tax) คือ ภาษีที่รัฐจัดเก็บจากการโอนทรัพย์สินหรือเงินระหว่างบุคคลด้วยความเต็มใจ หรือการให้โดยไม่มีค่าตอบแทนใด ๆ ซึ่งเป็นการให้ที่มีมูลค่าเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด โดยผู้ที่มีหน้าที่เสียภาษี คือผู้รับทรัพย์สินหรือของขวัญนั้น ไม่ใช่ผู้ให้ ดังนั้น กฎหมายจึงกำหนดให้ต้องเสียภาษีเฉพาะกรณีที่ได้รับทรัพย์สินหรือของขวัญที่มีมูลค่าสูงเกินกว่าที่กฎหมายยกเว้นไว้ เพื่อป้องกันการหลีกเลี่ยงภาษีมรดก และสร้างความเป็นธรรมในระบบภาษี

ใครบ้างที่จะต้องเสียภาษีการให้ ?

การเสียภาษีการให้แบ่งตามประเภทผู้รับออกเป็น 2 กลุ่มหลัก ได้แก่ บุคคลธรรมดา และนิติบุคคล โดยแต่ละกลุ่มมีหลักเกณฑ์การเสียภาษีที่แตกต่างกัน ดังนี้

1. บุคคลธรรมดา
หากได้รับของขวัญหรือทรัพย์สินที่มีมูลค่าเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด จะต้องยื่นแบบแสดงรายการ และเสียภาษีตามอัตราที่กำหนด โดยไม่คำนึงว่าผู้ให้จะเป็นใคร อาจเป็นญาติ เพื่อน หรือแม้แต่องค์กรต่าง ๆ ก็ตาม อย่างไรก็ดี มีข้อยกเว้นพิเศษสำหรับการรับจากบุพการี (พ่อแม่) ที่จะได้รับการยกเว้น ในวงเงินที่สูงกว่าการรับจากบุคคลอื่นทั่วไป

2. นิติบุคคล
โดยทั่วไปจะไม่ต้องเสียภาษีการให้โดยตรง แต่มีหน้าที่ต้องนำมูลค่าของขวัญหรือทรัพย์สินที่ได้รับไปรวมคำนวณเป็นรายได้เพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล ซึ่งอาจมีอัตราภาษีที่แตกต่างกันไปตามประเภทและขนาดของนิติบุคคลนั้นๆ

ดังนั้น ผู้รับที่เป็นทั้งบุคคลธรรมดา และนิติบุคคล มีหน้าที่ต้องรายงานการรับทรัพย์สินหรือของขวัญต่อกรมสรรพากรภายในระยะเวลาที่กำหนด เพื่อความโปร่งใส และป้องกันการหลีกเลี่ยงภาษี

เกณฑ์การเสียภาษีการให้

1. กรณีการให้อสังหาริมทรัพย์
ผู้โอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในอสังหาริมทรัพย์ เช่น บิดาหรือมารดาที่โอนทรัพย์สินให้บุตรชอบด้วยกฎหมาย (ไม่รวมบุตรบุญธรรม)

2. กรณีการให้สังหาริมทรัพย์
ผู้รับทรัพย์สินเป็นผู้เสียภาษี โดยแบ่งเป็น

  • ได้รับจากบุพการี ผู้สืบสันดาน หรือคู่สมรส เฉพาะมูลค่าทรัพย์สินที่เกินกว่า 20 ล้านบาทในแต่ละปีภาษี
  • ได้รับจากบุคคลอื่น เฉพาะมูลค่าทรัพย์สินที่เกินกว่า 10 ล้านบาทในแต่ละปีภาษี

ของขวัญ หรือทรัพย์สินอะไรบ้าง ที่ต้องเสียภาษี ?

ทรัพย์สินที่ต้องเสียภาษีการให้ (Gift Tax) ได้แก่

  • เงินสด
  • อสังหาริมทรัพย์ (บ้าน ที่ดิน คอนโดมิเนียม)
  • หลักทรัพย์ (หุ้น พันธบัตร)
  • ยานพาหนะ
  • ทรัพย์สินมีค่า (ทองคำ อัญมณี)
  • สิทธิการเช่า
  • ทรัพย์สินทางปัญญา

อัตราภาษีการให้

ภาษีการให้ มีอัตราการจัดเก็บคงที่ 5% ของมูลค่าทรัพย์สินที่เกินเกณฑ์ที่กำหนด

ตัวอย่างการคำนวณภาษีการให้

  • บิดายกที่ดินมูลค่า 22 ล้านบาท ให้บุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย ส่วนที่เกิน 20 ล้านบาท คือ 2 ล้านบาท คำนวณภาษีเป็น 2,000,000 × 5% = 100,000 บาท
  • ในงานแต่งงาน หลานได้รับเงิน 5 ล้านบาท และทองคำมูลค่า 6 ล้านบาท จากคุณป้า รวมมูลค่า 11 ล้านบาท ส่วนที่เกิน 10 ล้านบาทคือ 1 ล้านบาท คำนวณภาษีเป็น 1,000,000 × 5% = 50,000 บาท

การให้ในรูปแบบใดบ้าง ที่ไม่ต้องเสีย Gift Tax

1. ของขวัญที่ให้ภายในครอบครัว

  • การให้ระหว่างคู่สมรส
  • การให้มรดกในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ไม่เกินจำนวนที่กำหนด

2. การให้เพื่อการกุศล

  • การบริจาคให้องค์กรการกุศล
  • การให้แก่สถาบันศาสนา
  • การให้แก่หน่วยงานรัฐ

3. กรณีอื่น ๆ เช่น

  • ของขวัญในโอกาสพิเศษตามประเพณี (แต่งงาน วันเกิด)
  • การให้เพื่อการศึกษาหรือเพื่อการรักษาพยาบาล
  • การให้ที่มีมูลค่าไม่เกินที่กฎหมายกำหนด

การยื่นแบบ Gift Tax

ในส่วนของการยื่นแบบภาษีการให้ สามารถทำรายการตามรายละเอียด ดังต่อไปนี้

1. การยื่นแบบแสดงรายการภาษี

ผู้มีหน้าที่เสียภาษีการรับให้สามารถเลือกวิธีการยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ภ.ง.ด.90) ได้สองวิธี ดังนี้

2. กำหนดเวลายื่นแบบ

  • กรณีเลือกเสียภาษีในอัตรา 5% โดยไม่รวมกับเงินได้อื่น : ยื่นแบบ ภ.ง.ด.90 ภายในวันที่ 31 มีนาคมของปีถัดไป
  • กรณีเลือกนำเงินได้จากการรับให้ไปรวมคำนวณกับเงินได้อื่น : ยื่นแบบ ภ.ง.ด.90 ภายในวันที่ 31 มีนาคมของปีถัดไป

3. การชำระภาษี

  • ชำระผ่านอินเทอร์เน็ต : ผ่านระบบ e-Payment ของกรมสรรพากร
  • ชำระผ่านธนาคาร : ที่ธนาคารที่เข้าร่วมโครงการ
  • ชำระผ่านที่ทำการไปรษณีย์ : ทุกสาขาทั่วประเทศ

ภาษีการให้ เป็นมาตรการทางภาษีที่สำคัญในการสร้างความเป็นธรรมทางสังคมและป้องกันการหลีกเลี่ยงภาษี แม้จะดูซับซ้อน แต่ถ้าเข้าใจหลักการพื้นฐาน เงื่อนไข และข้อยกเว้นต่างๆ ก็สามารถวางแผนการให้ของขวัญได้ถูกต้องตามกฎหมาย ที่สำคัญคือต้องคำนึงถึงมูลค่าการให้ และระยะเวลาในการยื่นแบบแสดงรายการเพื่อไม่ให้มีบทลงโทษ และผลกระทบทางภาษีที่อาจจะเกิดขึ้น

การวางแผนภาษีการให้ที่ดีควรเริ่มจากการทำความเข้าใจว่าทรัพย์สินหรือของขวัญที่จะให้นั้น อยู่ในข่ายที่ต้องเสียภาษีหรือไม่ โดยพิจารณาทั้งมูลค่า และความสัมพันธ์ระหว่างผู้ให้กับผู้รับ นอกจากนี้ ควรเก็บหลักฐานการให้ และเอกสารที่เกี่ยวข้องไว้อย่างครบถ้วน เพื่อประโยชน์ในการยื่นแบบแสดงรายการทางทรัพย์สินรวมถึงทางภาษีเพื่อง่ายต่อการชี้แจงการมีการตรวจสอบในอนาคต

สำหรับผู้ที่วางแผนจะให้ทรัพย์สินมูลค่าสูง ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีเพื่อวางแผนการให้อย่างเหมาะสม โดยอาจพิจารณาแบ่งการให้ออกเป็นหลายครั้งเพื่อให้อยู่ในวงเงินที่ได้รับการยกเว้น หรือเลือกช่วงเวลาที่เหมาะสมในการให้ ทั้งนี้ การวางแผนภาษีที่ดีไม่ใช่การหลีกเลี่ยงภาษี แต่เป็นการบริหารจัดการทรัพย์สินอย่างชาญฉลาดภายใต้กรอบข้อกำหนดของกฎหมาย เพื่อให้เกิดประโยชน์กับผู้ให้ และผู้รับค่ะ

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

Facebook : สำนักงานบัญชีคุณภาพ ชอบการบัญชี
LINE : @chobaccounting
เบอร์โทร : 094-159-4561
อีเมล์ : chobcorp.acc@chobaccountingonline.co.th

Facebook
LinkedIn
X

ผู้เขียน

พัทธนันท์ วัชรโชติธาดาพงศ์

น้ำ - พัทธนันท์ วัชรโชติธาดาพงษ์

ผู้บริหาร และนักบัญชี ที่เชี่ยวชาญด้านการทำบัญชี การวางระบบบัญชี การยื่นภาษี และการวิเคราะห์งบการเงิน เชื่อมั่นว่าทุกธุรกิจสามารถเติบโตได้อย่างมั่นคงด้วยการจัดการบัญชีและภาษีที่ถูกต้อง

Scroll to Top